มุม Bearish ของโฮเวิร์ด มาร์ค

มุม Bearish ของโฮเวิร์ด มาร์ค

หากจะนับเซียนด้านการลงทุนระดับตำนาน ผมคิดว่าผู้ที่มีความโดดเด่นในการคาดการณ์สัญญาณขาลงได้ดีที่สุด

เห็นจะไม่พ้น โฮเวิร์ด มาร์ค เจ้าของผลงานหนังสือสุดคลาสสิค The most important thing illuminatedและกองทุน Oaktree ที่มีผลตอบแทนดีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี 

สัปดาห์ที่แล้ว นายมาร์คได้ออก Newsletter ที่ถือว่ายาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา โดยกล่าวเตือนตลาดทุนและตลาดเงินของโลกว่า ปัจจัยดังต่อไปนี้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด 

  • สิ่งแวดล้อมที่ดูสดใส ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีซึ่งได้มา บ่อยครั้งมักจะลวงให้นักลงทุนเกิดความประมาท โดยคาดว่าความหอมหวนดังกล่าวจะเกิดกับตนเองในปัจจุบันและอนาคตเช่นกัน โดยอาจลืมไปว่าผลตอบแทนที่ดีในตอนนี้ อาจจะยืมทรัพยากรจากในอนาคตมาใช้ก็เป็นได้
  • ความจริงบางส่วนเท่านั้นที่เกิดขึ้นจากฝีมือล้วนๆ ในขณะที่การลงทุนได้รับผลตอบแทนดี สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากฝีมือ ทว่าอีกส่วนหนึ่งก็มาจากจังหวะ ดังนั้นเมื่อใดหากนักลงทุนเผลอคิดว่ามาจากฝีมือตนเองทั้งหมด ก็อาจทำให้ลงทุนเกินขีดที่เป็นลิมิตของศักยภาพของตนเองได้
  • ชอบเลียนแบบผู้ที่กลายเป็นรวยคนต้นๆ เม่าส่วนใหญ่มักจะลงทุนตามผู้ที่รวยไปแล้ว จึงทำให้ซื้อตราสารทางการเงินในราคาที่สูงเกินมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง หรือลงทุนในเวลาที่สายเกินไป
  • เงินมีมากกว่าไอเดีย ภายใต้บรรยากาศที่เม็ดเงินจาก QE ท่วมโลก ส่งผลให้เงินทุนหลั่งไหลท่วมโลกแบบไม่จำกัด ย่อมทำให้ความกลัวต่อความเสี่ยงลดลง การถูกลวงให้ลงทุนในตราสารที่ไม่เหมาะสม สามารถทำได้ง่ายและมาตรฐานของการลงทุนจึงถูกลดระดับลงให้รับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
  • ความตั้งใจที่จะย่อหย่อนต่อวินัยการลงทุน โดยความมุ่งมั่นที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าชาวบ้านมีอิทธิพลเหนือกว่าบริบทความเหมาะสมที่เคยได้ร่ำเรียนมาในการลงทุนและบทเรียนในอดีต วลียอดฮิตที่กล่าวกันติดปากว่า“this time it’s different” จึงมักเป็นข้ออ้างของคนเหล่านี้
  • เริ่มไม่สนใจวินัยในการตรวจสอบ valuation ของการลงทุน ประโยคที่ว่าสินทรัพย์ดังกล่าวแจ๋วและแจ่มมาก ไม่ต้องไปสนใจดูระดับราคา มักจะพูดให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ เหตุการณ์เหล่านี้คือสัญญาณของการเริ่มต้นสู่ยุคฟองสบู่
  • กระแสของถนนทุกสายไปสู่โลกอนาคต ในช่วงที่บรรยากาศการลงทุนดูสดใส หุ้นที่อยู่ในเซกเตอร์ที่เกิดขึ้นมานานแล้วมักจะให้ผลตอบแทนที่ย่ำแย่ ในขณะที่หุ้นที่มาจากอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน มักจะได้รับการยกย่องว่าเป็นการซื้ออนาคต 
  • วงจรการลงทุนมีแต่ขาขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครที่พูดถึงลิมิตหรือจุดสูงสุดของระดับราคาสำหรับการลงทุน เหมือนกับต้นไม้ยังสามารถโตไปแตะขอบฟ้าได้ ไม่มีอะไรจะหยุดมันได้ และไม่มีทางที่จะเลี้ยวไปในแนวทางที่แย่ลง 
  • ความกลัวว่าจะถูกทิ้งไว้ด้านหลังหรือที่เรียกว่า ‘ตกรถไฟ’ ด้วยบรรยากาศของคนรอบตัวที่พูดถึงทิศทางการลงทุนในลักษณะดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะสรุปว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตคือพลาดในการลงทุนในตลาดที่ดูดีหรือสดใสได้ขนาดนี้ 

มาร์คมองว่าตลาดในตอนนี้ ไอเดียใหม่ๆมักจะได้รับการยอมรับได้รวดเร็ว ในทางกลับกัน ข้อจำกัดของตลาดที่นักลงทุนต้องระวังอย่างความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองโลก ผลตอบแทนที่ยังต่ำในปัจจุบันของสินทรัพย์ต่างๆ และการยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตลาดจะดีไปตลอดไปนั้น ได้ถูกหลงลืมไปอย่างสิ้นเชิง

ที่สำคัญคือ คนส่วนใหญ่ยังนึกไม่ออกว่าอะไรที่จะเป็นตัวที่ก่อให้เกิดปัญหาสำหรับการลงทุนของตนเอง จึงมิได้นำปัจจัยดังกล่าวมาใส่ไว้ในการคิดสำหรับตั้งราคาสินทรัพย์ของตนเอง สิ่งนี้เป็นถือเป็นความเสี่ยงที่สูงที่สุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในนาทีนี้ กลัวจะได้ผลตอบแทนน้อยเกินไปหรือลงทุนน้อยเกินไป มากกว่าจะเสียเงินที่ลงทุนไป

คำแนะนำของมาร์ค คือ ให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นสำหรับการตัดสินใจในการลงทุนของตนเอง ในยุคที่เราอยู่ในโลกที่ผลตอบแทนต่ำทว่าความเสี่ยงสูง

ท้ายสุด มาร์คย้ำว่าไม่ใช่ว่าเรากำลังจะเข้าสู่วิกฤตอีกรอบ ทว่าทางเลือกการลงทุนส่วนใหญ่ในตอนนี้ ผลตอบแทนอาจจะไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง รวมถึงตลาดก็มีอุณหภูมิความเสี่ยงที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผมมองว่าจุดอ่อนสำหรับ Newsletter ของมาร์คคือค่อนข้างจะไม่ชัดเจนหรือระบุช่วงเวลาที่การคาดการณ์ของเขาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แม้ตรรกะหรือมาตรฐานความคมจากมุมมองของเขาจะยังไม่ตกลงจากเดิมครับ