Innovation Vs Integration

Innovation Vs Integration

ผลพวงจากการส่งเสริมนวัตกรรมในรอบหลายปีที่ผ่านมาทำให้บ้านเรามีผลงานใหม่ ๆ ป้อนเข้าสู่ภาคธรุกิจมากขึ้น 

ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ บางส่วนก็นำมาต่อยอดเป็นธุรกิจสตาร์ตอัพ สร้างสีสันให้กับวงการธุรกิจได้ไม่น้อย

แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เรากลับเห็นนวัตกรรมเหล่านั้นอยู่รอดในสมรภูมิธุรกิจได้เพียงไม่กี่ราย เพราะบางส่วนหาทุนพัฒนาต่อไม่ได้ ในขณะที่บางส่วนแม้จะพัฒนาเป็นสินค้าและบริการได้สำเร็จแล้ว ก็ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่มีลูกค้าต่อเนื่อง

ทั้ง ๆ ที่สภาพแวดล้อมวันนี้เปิดกว้างให้กับผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเต็มที่ เพราะเรากำลังอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยผลพวงของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแวดวงธุรกิจแต่ต่อเนื่องมาถึงวิถีชีวิตของคนทั่วไปด้วย

การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันจึงกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมที่ยกระดับให้ผู้คนในยุคนี้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือกิจกรรมทั่วไปที่เราหันมาใช้บริการผ่านระบบออนไลน์และสมาร์ทโฟนมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเรียกรถแท็กซี่ ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จองตั๋วหนัง ซื้อบัตรคอนเสิร์ต ชอปปิงออนไลน์ ฯลฯ

ธุรกิจเหล่านี้เติบโตขึ้นมาเป็นบริษัทข้ามชาติที่สามารถสร้างรายได้จากหลายประเทศทั่วโลกโดยใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งการเติบโตของบริษัทเหล่านี้สูงมากเสียจนทำให้เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ติดอันดับมหาเศรษฐีโลกในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี

แน่นอนว่ายังมีช่องว่างอีกมากที่น่าจะสร้างโอกาสให้กับนวัตกรรมต่าง ๆ ที่คิดค้นขึ้นมาในบ้านเรา แต่ทำไมนวัตกรรมเหล่านี้กลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน ผมเชื่อว่าเหตุผลหลักประการหนึ่งก็ คือเรามีนวัตกรรมจำนวนมากที่อาจมีความคิดสร้างสรรค์โดดเด่นแต่ขาดการเชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ

การเชื่อมโยงในที่นี้เป็นได้ทั้งการเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของคนทั่วไปซึ่งเป็นลูกค้าหลัก หรือเชื่อมโยงกับธุรกิจคือเป็นส่วนเสริมให้ธุรกิจอื่นมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหลาย ๆ ครั้งเราเห็นนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ชั้นยอดที่ดูล้ำยุคน่าสนใจ แต่กลับคิดไม่ออกว่ามันจะใช้ทำอะไรได้บ้างก็เพราะมันขาดความเชื่อมโยงนี่เอง

ผู้คิดค้นนวัตกรรมจึงไม่อาจใช้มุมมองในฐานะนักประดิษฐ์หรือนักคิดแต่เพียงด้านเดียว แต่ต้องมองในมุมลูกค้าให้รอบด้านว่าผลงานของตัวเองนั้นจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างไรบ้าง และที่สำคัญอาจต้องมองหาคู่ค้าที่จะเข้ามาเติมเต็มให้นวัตกรรมของเราได้ด้วย

เพราะลำพังสินค้าและบริการที่เรามีอยู่อาจทำให้ลูกค้าฮือฮาขึ้นมาเพราะความแปลกใหม่แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจจริง ๆ เขาก็อาจมองข้ามเราไปทันทีเมื่อเราไม่อาจตอบสนองความต้องการของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในทุกวันนี้ที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงและผันผวนยิ่งกว่ายุคใด ๆ ลูกค้าจึงไม่ยอมเสียเวลาให้กับคนที่ไม่มีคำตอบให้กับตัวเขาเองอย่างแน่นอน การที่เราไม่รู้จักจับคู่ทางธุรกิจกับใครจึงอาจกลายเป็นหายนะที่ทำให้นวัตกรรมของเรานั้นหมดความหมายลงทันที

การมองหาช่องว่างทางธุรกิจที่เอื้อให้นวัตกรรมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ 

การ Integration จึงถือเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้ Innovation เลย