พลาดหนึ่งครั้ง แต่ทำให้พังไปทั้งชีวิต

พลาดหนึ่งครั้ง แต่ทำให้พังไปทั้งชีวิต

ในวันที่ทำมาค้าคล่อง ความผิดพลาดจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย ในวันทีี่ทำมาค้าขึ้น ความเสี่ยงที่พลาดเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ในวันที่ค้าขายฝืด

ข้าวยากหมากแพง ความผิดพลาดกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครอยากเสี่ยงพลาดเล็กพลาดน้อยอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้เสมอ คนจึงกลัวความผิดพลาด และหลีกเลี่ยงที่จะทำการใดที่สุ่มเสี่ยงต่อความผิดพลาด 

 

เมื่อไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทุกอย่างที่ทำก็เหมือนกันไปหมด แย่งกันขายของเหมือน ๆกัน ยิ่งพากันขายไม่ออก สุดท้ายก็เลยต้องเสี่ยงทำของใหม่ให้มีความแตกต่างไปจากคนอื่น ซึ่งแทบไม่มีใครในโลกนี้ที่ไร้ความผิดพลาด ทำอะไรก็ถูกต้อง ทำอะไรก็ได้ผลดีไปหมด คนธรรมดาเสี่ยงทำอะไรใหม่ ๆ ย่อมมีโอกาสที่จะผิดพลาด เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในยามยาก สำหรับบางคนกลายเป็นความพังพินาศไปทั้งชีวิต ครุ่นคิดซำ้แล้วซำ้อีกกับความผิดพลาดนั้น จนขลาดกลัวที่จะเสี่ยงทำอะไรใหม่ ๆไปตลอดกาล พลาดครั้งเดียว แต่ทำให้ตนเองพังไปทั้งชีวิต

 

ความผิดพลาดจริง ๆที่ทำให้คนเราพังไปทั้งชีวิตมีเพียงเรื่องใหญ่ ๆไม่กี่เรื่อง แต่ความผิดพลาดที่เราคิดเองเออเองว่าคนอื่นจะเห็นเราพังไปทั้งชีวิตนั้นมีเยอะแยะ พลาดเรื่องเล็ก ๆ แต่คิดไปเองว่าคนอื่นจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ ที่ใคร ๆจะจดจำไปตลอดชีวิต ดังนั้นให้เลิกคิดแทนคนอื่น เลิกใช้ความคิดของตนเองมาตัดสินแทนคนอื่น เลิกครุ่นคิดวนไปวนมากับความผิดพลาดนั้น แต่ให้คิดใหม่ว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบจนไร้ความผิดพลาด

 

พยายามใช้ผิดเป็นครู เรียนรู้จากความจริงว่าอะไรคือบทเรียนจากความผิดพลาดครั้งนั้น เรียนรู้เพื่อการเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่รู้เพื่อหาทางด่าตัวเอง เรียนรู้บนความเชื่อว่าเราไม่อาจแก้ไขอดีต แต่เราใช้บทเรียนจากอดีตมาสร้างอนาคตที่ดีขึ้นได้ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดการค้นหาความจริงจากความผิดพลาดนั้นเพื่อใช้แก้ตัวให้คนอื่นเชื่อว่าที่ผิดพลาดนั้นไม่ใช่มาจากฉัน ซึ่งจะกลายเป็นคิดวนไปวนมา ไม่ต่างไปจากที่เกิดขึ้นจากความเกรงกลัวที่จะผิดพลาด จมอยู่กับอดีต พลาดครั้งเดียวแต่คอยแก้ตัวไปชั่วชีวิต

 

หลังจากพลาดพลั้งไปสักครั้งหนึ่ง บางคนจะกลับไปเกาะยึดกับหนทางเดิม ๆโดยหวังว่าหนทางเดิม ๆนั้นคืออุทยานของการงาน อยู่แบบเดิม ๆดีแล้วสมควรแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นการกักขังอนาคตของตนเองไว้แค่นั้น ทำเหมือนกับในชีวิตนี้ไม่มีอุทยานอื่นอีกแล้ว สำหรับการงานของฉัน 

 

ดังนั้นจึงต้องคิดกันใหม่ว่า การงานที่สบายเหมือนอยู่ในอุทยานนั้นมีจริง แต่การงานที่คิดว่าลำบากต่างหากที่ไม่มีจริง การงานนั้นแค่ไม่ถูกใจเราเท่านั้นเอง เราจะพร้อมที่จะก้าวออกจากอุทยาน แล้วเดินหน้าไปกับการงานที่เคยคิดว่าเดินไปก็ลำบากไป ลำบากในการงานนั้นไม่มีจริง มีแค่งานไม่ถูกใจเท่านั้น แต่ถูกใจหรือไม่ถูกใจ การงานก็เดินหน้าไปได้ทั้งนั้น ขอแค่ยอมเดินไปข้างหน้า เดินแตกต่างไปจากที่เคยทำ โดยนึกไว้เสมอว่าในความก้าวหน้าของชีวิตยังต้องเจอะเจอการงานที่ไม่ถูกใจแต่ต้องทำอีกเยอะ

 

เราลดความกลัวในความผิดพลาดในการทำการงานได้ โดยพยายามเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบ ๆตัว แล้วหาทางเรียนรู้ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงนั้น ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุดคือใช้เครื่องมือและความเชื่อเก่าไปทำงานใหม่ในบริบทใหม่ โลกก้าวเข้าสู่การงานแบบดิจิทัล เราก็ต้องเรียนรู้ดิจิทัลให้เท่าทันเพียงพอที่จะทำงานใหม่ที่มาพร้อมกับดิจิทัลได้อยางมั่นใจ ถ้าตามไม่ทันดิจิทัล ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จัก ก็จะทำงานไปแบบไม่มีดิจิทัล ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีปัญญาประดิษฐ์ โอกาสที่จะผิดพลาดย่อมมากกว่า เพราะทุกอย่างต้องทำเองหมด เข้าทำนองสิบนิ้วยังรู้พลาด คือทำเองทุกอย่าง โอกาสที่จะผิดพลาดก็เพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา รู้ให้ทันการเปลี่ยนแปลง ความกังวลในความผิดพลาดจะลดลง

 

พลาดเป็นบทเรียนได้ แต่ยกเลิกไปไม่ได้ หนทางข้างหน้ายังมีงานที่ไม่ถูกใจอีกมาก ชีวิตการงานเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งร้อยเมตร จึงไม่ใครอื่นมาใส่ใจจดจำความผิดพลาดของเราที่ผ่านมา อย่ายอมให้พลาดหนึ่งครั้งพังทั้งชีวิตเกิดขึ้นกับตัวเรา โดยอย่าทำให้ตัวเราล้าสมัย ไม่เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอย่าคิดแทนคนอื่นในความผิดพลาดที่ผ่านมา