ทบทวนผลตอบแทนพอร์ตครึ่งปีแรก

ทบทวนผลตอบแทนพอร์ตครึ่งปีแรก

ทบทวนผลตอบแทนพอร์ตครึ่งปีแรก

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน ครึ่งแรกของปีนี้ก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ภาวะตลาดเงิน ตลาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปีก็ไม่นับว่าผันผวนมากเท่าไหร่ แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ในนโยบายการเงินของทางเฟดซึ่งในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ตลาดทุนรวมถึงสินทรัพย์ลงทุนต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ก็ถือว่าไม่ได้กระเทือนต่อภาพรวมของการลงทุนมากเท่าไหร่ วันนี้ผมชวนท่านผู้อ่านมาลองทบทวนผลตอบแทนของสินทรัพย์ลงทุนประเภทต่าง ๆ เพื่อดูว่าพอร์ตความมั่งคั่งของเรามีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางหรือด้วยปริมาณที่มากหรือน้อยกว่าเมื่อตอนต้นปีที่เราคาดหวังเอาไว้หรือไม่

ภาวะการลงทุนและผลตอบแทนของตลาดหุ้นบ้านเราในปีนี้ดูทรง ๆ ด้วยกรอบการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแคบ และดูเหมือนไม่ค่อยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นโลกมากเท่าไหร่ โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 7 ก.ค. 60 อยู่ที่ร้อยละ 1.7 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหรือน้อยกว่าความหวังของนักลงทุน นั่นหมายความว่า ความมั่งคั่งของเราแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ถือว่าต่ำกว่าอัตราที่เราคาดหวังไว้ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกที่ให้ผลตอบแทนในช่วงเดียวกันที่ร้อยละ 10 ซึ่งต้องถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว หรือหมายความว่า หากพอร์ตความมั่งคั่งของเรามีการลงทุนในตลาดหุ้นโลก การเติบโตของความมั่งคั่งของเราน่าจะสูงกว่าความคาดหวังของเรา โดยตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีการปรับตัวขึ้นแทบทุกประเทศ แต่ตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ในปีนี้ ยังคงให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดหุ้นโดยรวม โดยให้ผลตอบแทนในช่วงเดียวกัน ที่ร้อยละ 16.3 ซึ่งถ้าเรามีกระจายพอร์ตความมั่งคั่งของเราไปยังกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ ความมั่งคั่งของเราในครึ่งปีแรกก็น่าจะเติบโตได้ส่วยงามทีเดียว

ด้านตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ในช่วงครึ่งแรกของปีต่างก็ปรับตัวบวกกันทั่วหน้า แต่ต้องนับว่าตลาดหุ้นของทางฝั่งอเมริกามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นในฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยดัชนี S&P500 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.3 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงแต่ก็ยังนับว่าไม่มากถ้าเราไปเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของดัชนี NASDAQ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ทางฝั่งยุโรปแม้ว่านักลงทุนจะค่อนข้างมั่นใจต่อภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจประกอบกับเชื่อว่าธนาคารกลางของญุโรปน่าจะดำรงนโยบายการเงินเพื่อเกื้อกูลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ แต่ผลตอบแทนที่สะท้อนในตลาดหุ้นก็ไม่นับว่าโดดเด่นเท่ากับของทางอเมริกา โดยผลตอบแทนโดยรวมของตลาดหุ้นยุโรปวัดจากดัชนี STXE600 อยู่ที่ร้อยละ 5.2 แต่ดูเหมือนว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กของทางยุโรปจะมีการปรับตัวที่ดีกว่า โดยดูจากดัชนี MSCI SMALL CAP ที่ให้ผลตอบแทนในช่วงเดียวกัยที่ร้อยละ 8.7 ตามมาด้วย ทางฝั่งญี่ปุ่น ที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจะสะท้อนทั้งความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ และในอีกด้านหนึ่งต้องดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเยนเช่นกัน เลยทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของปีมีความผันผวนขึ้นลงมากกว่าอีกสองภูมิภาค แต่ผลตอบแทนของดัชนี NIKKEI225 ก็ยังปรับเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 4.3 ซึ่งก็ต้องถือว่าไม่น้อยนักสำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับผลตอบแทนในอดีต

ภูมิภาคที่นับว่าโดดเด่นสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกก็ต้องบอกว่าตลาดหุ้นในแถบเอเชียบ้านเรานี่เอง (ยกเว้นตลาดหุ้นบ้านเรา) โดยรอบๆด้านไม่ว่าจะเป็น จีน (ดัชนี CSI300) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 อินเดียปีนี้ก็ยังคงความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถปรับตัวได้ถึงร้อยละ 17.8 ตามมาติด ๆ ด้วยดัวย ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ที่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 17.4 ท่ามกลางข่าวของเกาหลีเหนือที่มากระทบเป็นระยะ ๆ อินโดนีเซีย (ดัชนี JARKATA) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ฟิลิปปินส์ (ดัชนี PHPSE) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 ด้านตลาดหุ้นเวียดนามซึ่งเริ่มได้รับความนิยมในการลงทุนมากขึ้นก็ไม่น้อยน่าสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้สูงถึงร้อยละ 16.7 (ดัชนี VN HOCHIMIN) เห็นมั้ยครับว่าครึ่งแรกของปีตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคบ้านเราสามารถเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่เพิ่มความมั่งคั่งให้กับเราได้ดีมากทีเดียว

ด้านสินทรัพย์ทางเลือกโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งแรกของปีต้องถือว่าเป็นฝันร้ายของการลงทุนทีเดียว เพราะราคาน้ำมันดิบวัดจากดัชนี WTI ปรับตัวลงถึงร้อยละ 17.7 ซึ่งท่านผู้อ่านบางท่านอาจได้รับผลกระทบทางตรงหากในพอร์ตมีการกระจายการลงทุนไปยังกองทุนน้ำมัน หรือได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการปรับตัวลงตามของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน (ไม่นับกลุ่มพลังงานทดแทน) ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการปรับตัวลดลงของดัชนี MSCI WORLD ENERGY ในอัตราร้อยละ 10.9 ด้านการลงทุนในทองคำก็ต้องถือว่าเหวี่ยงพอสมควรและกลับมามีการเคลื่อนไหวเป็นกรอบตามการคาดการณ์การขึนดอกเบี้ยของเฟด (ซึ่งไปกระทบต่อค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ)

ส่วนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศในรอบครึ่งแรกของปีต่างก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดี เมื่อเทียบกับผลตอบแทนในอดีตและผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวัง แม้จะมีความกังวลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกมาเป็นระยะๆ แต่สินทรัพย์ที่เดิมเคยให้ผลตอบแทนที่ดีแต่กลับมีผลตอบแทนที่น่าผิดหวังก็คือกลุ่มกองทุนรีทส์และอสังหาริมทรัพย์ของบ้านเราที่เดิมเคยบวกมาทุกๆปี ปีนี้กลับติดลบไปถึงร้อยละ 4.7 (แต่ถ้าคิดรวมเงินปันผลจะเหลือติดลบเพียง 1.9) ซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบต่อการเติบโตของความมั่งคั่งของเราอย่างแน่นอน

ครับผมหวังว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในช่วงครึ่งหลังของปีน่าจะยังคงมีโมเมนตัมต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยสินทรัพย์เสี่ยงประเภทหุ้นน่าจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ แม้ว่าอาจจะไม่ดีเหมือนครึ่งปีแรก ส่วนสินทรัพย์ทางเลือก เช่น น้ำมัน กับทองคำนั้นนักลงทุนอาจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาทำการซื้อขายตามกรอบราคาเพี่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับความมั่งคั่งของเรา และท้ายสุดผมก็ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านโชคดีในการลงทุนตลอดช่วงครึ่งหลังของปีนะครับ