เรื่องของ รถ กับ ไฟฟ้า

 ในหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวข้องกับตลาดรถยนต์ อุตสาหกรรมยนยนต์ รวมถึงทิศทางในอนาคต และเล่าต่อให้ผมฟังอีกทอดหนึ่ง

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจทั้งในเวทีโลกและเมืองไทยเราก็คือ เรื่องของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริม เอกชนขานรับ และประชาชนอยากใช้ เพียงแต่ในวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเมื่อไร และใครจะเป็นคนเริ่มก่อน 

เอาละนั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตรงนี้อยากไปดูที่ญี่ปุ่น ประเทศอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และมีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่โลกยานยนต์พึงมี ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด ฟิลเซลล์ ไฟฟ้า เขามีทิศทางอย่างไร 

จามา ระบุว่า รถพลังงานไฟฟ้าในญี่ปุ่นมียอดขายไม่มาก สัดส่วนประมาณ 1% ของตลาดรวมเท่านั้น 

ผมลองเข้าไปไล่ดูข้อมูลยอดจำหน่ายปีที่แล้วก็พบว่ายอดขายรายเดือนมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ซึ่งถือว่าน้อยมาก สำหรับประเทศที่มีตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่นี้ 

และบางคนก็อาจจะแปลกใจถ้าเทียบกับยอดขายในประเทศอื่นๆ เช่น จีน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีตลาดรถพลังงานไฟฟ้าใหญ่ที่สุด ซึ่งใหญ่กว่าญี่ปุ่น 5-6 เท่าตัว หรือ สหรัฐก็ใหญ่กว่าประมาณ 4 เท่าตัว 

มีบางประเด็นที่น่าสนใจก็คือ จีน เป็นที่รู้กันว่ามีนโยบายส่งเสริมด้านนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการผลิตและการใช้งานที่ผู้ซื้อจะได้สิทธิ์พิเศษหลายอย่าง และมีแหล่งชาร์จไฟอยู่ทั่วไป รวมไปถึงการมีแหล่งพลังงานรองรับ เพราะมีโรงไฟฟ้ามากมาย และผลิตจากพลังงานหลายอย่าง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาขาดแคลนไฟที่จะร้องรับการใช้งานในส่วนต่าง ๆ ทั้งครัวเรือน อุตสาหกรรม หรือว่ารถพลังงานไฟฟ้า

แต่ที่ญี่ปุ่นมีคนบอกว่าคนญี่ปุ่นหลายคนเริ่มมองว่า การใช้รถพลังงานไฟ้าจำนวนมาก ทำให้ต้องไปแย่งพลังงานจากส่วนอื่น ๆ มาใช้ ดังนั้นการแก้ไขก็คือจะต้องสร้างแหล่งผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นวิธีไหนล่ะที่จะมีความเหมาะสมที่สุด 

การผลิตที่ต้นทุนถูกได้พลังงานมาก ๆ ก็คือ นิวเคลียร์ แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นเห็นถึงผลกระทบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หากเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ไม่อยากเห็นการเกิดขึ้นของโรงใหม่ ๆ 

แนวทางของพวกเขาการปฏิบัติด้วยตัวเองให้เห็นว่าไม่ความจำเป็นต้องสร้าง ด้วยการพยายามไม่เพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งรถยนต์ก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลายคนมองว่าจะเป็นต้นเหตุให้ต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ขึ้นมา

ผมหยิบมาพูด ก็แค่อยากจะเล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ถึงแนวความคิดของผู้บริโภค ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทุกคน และอาจจะไม่มีผลอะไรต่อการเดินหน้าธุรกิจ อุตสาหกรรม  หรือแม้แต่โรงไฟฟ้าเอง เพราะอาจจะมีความต้องการจากส่วนอื่นเกิดขึ้น แต่ที่พูดเพราะชื่นชอบแนวคิดของผู้คน ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจและเอาไปใช้กับเรื่องอื่น ๆ ได้ 

ไม่ต้องสร้าง ด้วยการแสดงให้เห็นว่าไม่มีความต้องการใช้ ดีกว่าใช้วิธีการประท้วง ขัดขวาง 

แต่แนวทางนี้ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกเรื่อง ทุกที่ และทุกคน เพราะทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายเริ่ม ฝ่ายรับ ฝ้ายค้าน ต้องมีวุฒิภาวะเพียงพอครับ