“ยั่งยืน มั่นคง” แปลว่าอะไร!?

“ยั่งยืน มั่นคง” แปลว่าอะไร!?

สิบกว่าปีก่อน..ถ้ามีคนไปบอกกับผู้บริหารและพนักงานของบริษัท Nokia ในตอนที่ยังเป็นเบอร์1ของโลกว่า.. ที่นี่ไม่มั่นคงนะ...คงถูกหาว่าบ้า

(จนกระทั่ง iPhone กำเนิดขึ้นและคู่แข่งรายอื่นๆต่างปรับตัวกันชุลมุน ก่อนที่จะไม่มีที่ยืน!)

สิบกว่าปีก่อน..ถ้ามีคนไปทำนายว่า แจ๊ค หม่า จะกลายเป็น Big Player ที่แผ่อิทธิพลทางธุรกิจไปทั่วโลกในทุกวันนี้ ก็จะถูกมองว่า...เป็นไปไม่ได้!(ไปรับยาที่ช่องนั้น กลับบ้านไปกินยาแล้วนอนเยอะๆนะ จะได้หายจากโรค มโน!)

ในอดีต..แต่ละธุรกิจแต่ละองค์กร แต่ละ Brand กว่าจะยิ่งใหญ่ในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก ต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือบางองค์กรก็เกือบร้อยปี...

แต่ในปัจจุบัน..บางองค์กร บาง Brand ใช้เวลาไม่กี่ปี ในโลก On Line ก็สามารถยิ่งใหญ่ในระดับชาติหรือระดับโลกได้ !

และในอนาคตอันใกล้... บางองค์กรที่ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์มาหลายสิบปีจนยิ่งใหญ่ ก็อาจล่มสลายได้ในชั่วพริบตา !

(รวมทั้งธุรกิจเกิดใหม่บนโลก On Line ที่เพิ่งเริ่มต้นยิ่งใหญ่ในยุคนี้ก็ไม่พ้นการล่มสลายอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน!)

ในโลกธุรกิจทุกวันนี้ ไม่มีคำว่า “ยั่งยืน มั่นคง” (คำนี้อันที่จริงก็ไม่มีมานานแล้ว.. แต่คนส่วนมากยังคิดว่ามี!)

เพราะในโลกธุรกิจและโลกของชีวิตส่วนตัวในทุกวันนี้ ต่างก็ต้องเผชิญและรับมือกับ “ทุกอย่างต้อง เร็วขึ้น ดีขึ้น และถูกลง!” ตามเทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยหลักให้โลกทุกวันนี้“ต่างไปจากโลกใบเดิม” 

จากที่เคยสบายๆ จากที่เคยแข่งขันกับคู่แข่งเดิมๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน จากคู่แข่งที่ศึกษาตำรากลยุทธ์และการตลาดเล่มเดียวกัน กลายเป็นแข่งกับ“เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคน”ซึ่งส่งผลกับ“สินค้า/บริการ”ที่ต้องปรับและเปลี่ยนให้ทัน..

ข่าวดีก็คือ..เทคโนโลยีถูกลงเรื่อยๆ และคนส่วนมากใช้ชีวิตผูกติดอยู่ใน Digital Life (อยู่หน้าจอมือถือ ไม่น้อยกว่าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และมากกว่าหน้าจอทีวี!) เป็นโอกาสที่จะสร้าง“โอกาสใหม่ๆทางธุรกิจ” รวมไปถึงเป็นโอกาสที่จะสร้างกลยุทธ์และช่องทางการเข้าถึงลูกค้าในยุคปัจจุบันได้แบบ“ถึงเนื้อ ถึงตัวมากขึ้น”!

แต่ข่าวร้ายก็คือ...โอกาสในยุคนี้ แม้จะช่วยสร้างให้เกิดธุรกิจใหม่ๆได้ไม่น้อย (เข้าสู่ยุคทองของบรรดา Start Up ทั้งหลาย) ในทางกลับกัน... โอกาสใหม่ๆจากเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป...ก็เป็นการ ทำลายธุรกิจยุคเดิมๆ แบบเดิมๆ ให้ล้มหายตายจากไปได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน!(ถ้าท่านยังคิด...ยังทำแบบเดิมในธุรกิจของท่าน!)

สิ่งที่ท่าน “ทำได้และควรที่จะได้ทำให้เร็วที่สุด”ในตอนนี้ก็คือ...

บอกกับตัวท่านเองว่า...ไม่ว่าท่านจะเป็นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนั้น หรือขนาดกลาง (โดยเฉพาะขนาดกลางนี่แหละ ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะมักจะถูกรายใหญ่บีบ และถูกรายเล็กตอด ตลอดๆ!) สิ่งที่ควรบอกกับตัวเองทุกวันก็คือ.. “ไม่มีอะไรแน่นอน และยั่งยืนในโลกธุรกิจทุกวันนี้!”

เรื่องบอกกับตัวท่านเอง ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะระดับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูงที่บริหารอยู่ในทุกวันนี้ ย่อม“สังเกตและเห็น”ในสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว..

แต่มีคนอยู่2 กลุ่มของ“ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร” ที่น่าเป็นห่วงอย่างนิ่งก็คือ..

กลุ่มแรก พนักงานระดับผู้จัดการและระดับหัวหน้างาน“ที่ทำงานมาหลายปี”

กลุ่มที่สอง พนักงานระดับปฏิบัติการ “ที่ทำงานมาหลายปี”

เพราะทั้งสองกลุ่มนี้...ถึงจะไม่ทั้งหมดทุกคน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังชินและยึดติดกับ การทำงานแบบเดิมๆ ทำไปวันๆ “ทุกอย่างเป็นงานประจำ ทำซ้ำเหมือนที่เคยทำ” แล้วกลับไปลุ้นว่า หน้ากากนักร้องแต่ละสัปดาห์คือใคร!? แล้วก็จมอยู่กับ Social Network ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน ไม่เกี่ยวกับการเรียนรู้-พัฒนา ไปวันๆ...ซะงั้น!

สิ่งที่ผู้นำแต่ละองค์กร ต้องทำคือ..ต้อง “ปลุก” คนทั้งสองกลุ่มนี้ ให้ตื่นและดึงตัวเองออกมาจาก“โลกใบเก่า”และความคิด ความเชื่อที่ว่า ทุกบริษัท.. ยังคงมี“ความมั่นคง และ ความยั่งยืน”!

ต้องทำให้ทุกคน “ตระหนัก ก่อนที่จะตระหนก ตกงานโดยไม่รู้ตัว!”

ให้ทุกคนรู้เท่าทัน และละทิ้งความรู้รูปแบบเดิมๆที่เคยรู้ เคยใช้แต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในยุคนี้!

ให้ทุกคน“ร่วมคิด ร่วมสร้าง”สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้...

และให้ทุกคน ไม่หยุดที่จะคิด ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ให้เท่าทัน เพื่อให้ปรับตัวได้ตลอดเวลา

และย้ำกับทุกๆคนให้รู้ว่า...“ความมั่นคง และ ความยั่งยืน ไม่มีและ......ไม่มีมานานแล้ว!”

ถ้าทุกคนและธุรกิจยังต้องการที่ยืน...อย่าหยุดคิด อย่าหยุดทำ ทุกๆอย่างให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง!