เมื่อ 'ทหาร'ต้อง ปฏิรูป'ตำรวจ'
คงจะมีผู้คนไม่น้อยเกิดอาการสงสัย และเคลือบแคลงใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคน“สีกากี”
ที่อยู่ๆคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ โดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด นั่งเป็นประธาน เมื่อสัปดาห์ก่อน เท่ากับว่า“สีเขียว” ต้องเข้ามาปฏิรูป “สีกากี”ทำนองนั้น
ยิ่งเห็นเนื้อหาสาระที่ต้องจัดการใน 3 ส่วนใหญ่ๆอย่างที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายไว้ ไม่ว่าจะเป็นประเด็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ควรสังกัดที่ไหน โครงสร้างควรกระจาย ไม่ควรกระจุกในสตช. บทบาทอำนาจสอบสวน จะคงอย่างเดิม หรือจะแยกออก รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้าย การคัดคนเข้ามาเป็นตำรวจจะใช้หลักสูตรอะไร การเลื่อน ลด ปลด ย้าย วินัย การให้ตำรวจมีเครื่องแบบหรือไม่มีเครื่องแบบ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับตำรวจไทย
สูตรที่นายกฯให้ไว้แบบ 2-3-4 เรียกว่ามีลุ้น จะทำได้แค่ไหน หากทำได้จริงตามเงื่อนเวลาที่ว่านี้ เราอาจจะเห็นวงการ“สีกากี”บ้านเราในรูปแบบใหม่ก็เป็นได้
การที่ไม่แต่งตั้ง“ตำรวจ” นั่งประธานคณะกรรมการปฏิรูป อาจเป็นเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีประธาน 1 คนที่“ไม่ใช่ตำรวจ”ข้าราชการตามตำแหน่ง 5 คน ส่วนคณะกรรมการ30 คน เป็นข้าราชการตำรวจ 15 คน และไม่ใช่ตำรวจอีก 15 คน ดูเหมือนตำแหน่งประธานช่างลงล็อกเหลือเกินว่าต้องเป็น“ทหาร”
เอาละ..แผนการปฏิรูปตำรวจจะออกมาอย่างไร คงต้องฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมการและ พล.อ.บุญสร้าง ในฐานะหัวเรือใหญ่ของงานนี้ จะออกมาแบบประชาชนร้องยี้ หรือชื่นชม คงเป็นเรื่องที่ต้องอดใจรอ ตามห้วงเวลาสูตร 2-3-4
ถามว่าการปฏิรูปตำรวจรอบนี้ มีส่วนเกี่ยวโยงไปถึงการตั้งด่านตรวจของตำรวจด้วยหรือไม่ จริงๆการตั้งด่านตรวจถือเป็นเรื่องที่ดี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจไม่ให้มีผู้กระทำผิดกฎหมาย แต่การตั้งด่านบางช่วงบางจังหวะดูเหมือนจะเยอะไปสักหน่อย โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.บางเส้นทางระยะทางไม่กี่สิบกิโลเมตร แต่ทำไมมีด่านตรวจจับถึง 3-4 ด่าน อย่างนี้มันเยอะไปหรือไม่
การตั้งด่านตรวจจับมากมายอย่างนี้ ไม่แน่ใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเขาอยากปฎิบัติจริงหรือไม่ หรือเป็นเพราะต้องปฎิบัติตาม“เจ้านายสั่ง” หรือว่าวัดกันด้วยใบสั่งอย่างนั้นหรือ
แต่หากมีการปฏิรูปแล้วสิ่งเหล่านี้อาจต้องนำมาพิจารณาบ้างก็ดี