เจอกันครั้งแรก ปูติน แสดงฟอร์มเหนือทรัมป์
ภาพจับมือครั้งแรก ระหว่างสองผู้นำโลกนี้ เป็นที่รอคอยของคนจำนวนไม่น้อย
เพราะอยากรู้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย จะมีลีลาและภาษากายอย่างไร
ผมสรุปได้ว่าต่างคนต่างเกร็ง ทรัมป์เป็น “มือใหม่หัดขับ” ในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่ปูตินเป็นเสือเฒ่าในเวทีสากล กลเม็ดเด็ดพรายพร้อมสรรพ
ทรัมป์รู้ว่าคนทั้งโลกอยากรู้ว่าเขาจะกอดรัดกับปูติน หรือจะวางฟอร์มเป็นผู้นำมหาอำนาจ ที่ถือว่ารัสเซียเป็นศัตรูและคู่แข่งสำคัญ
ปูตินตระหนักว่าเขาจะต้องไม่มีภาพยอมทรัมป์มากไป แต่ก็จะแสดงความเป็นศัตรูคู่แค้นไม่ได้ เพราะผู้นำรัสเซียคนนี้ต้องการทำให้ทั้งโลกเห็นว่าเขาสามารถ “กล่อม” ทรัมป์อยู่
กำหนดการเดิมให้ปูตินกับทรัมป์คุยกัน 30 นาที แต่เอาเข้าจริงๆ ช่วงเวลาของการพูดจากันยาวถึง 2 ชั่วโมง 15 นาที
เริ่มด้วยทรัมป์ตั้งประเด็นเรื่องที่ “คนอเมริกันเป็นห่วง” และหลายฝ่ายในสหรัฐ (รวมถึงหน่วยข่าวกรองสำคัญ ๆ อย่างน้อย 4 สำนักของอเมริกาเอง) ยืนยันว่าทางการรัสเซียได้เข้ามาแทรกแซง และล้วงความลับของกระบวนการเลือกตั้งอเมริกัน ผ่านระบบไซเบอร์จนมีผลทำให้ทรัมป์ชนะฮิลลารี คลินตัน
แน่นอนว่า ปูตินก็รู้ล่วงหน้าว่าทรัมป์จะต้องพูดเรื่องนี้เป็นหัวข้อต้น ๆ เพราะเจอแรงกดดันทางการเมืองที่บ้านมาก
เหมือนจะเตี๊ยมบทกันมาพอสมควร เพราะพอทรัมป์พูดเรื่องนี้ ปูตินก็ปฏิเสธทันควัน บอกว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้ความจริงโดยสิ้นเชิง
และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียก็ออกมาบอกว่าทรัมป์ “ยอมรับ” คำปฏิเสธของปูติน
ความจริงเป็นอย่างไรไม่แน่ชัด แต่หากทรัมป์ยอมรับสิ่งที่ปูตินปฏิเสธโดยไม่ซักถามเพิ่มเติมหรือนำเสนอหลักฐานของฝ่ายสหรัฐ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่จะต้องถูกวิพากษ์อย่างหนักต่อไปอย่างแน่นอน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐบอกว่าทั้งสองผู้นำ “เข้ากันได้ดี” (ใช้คำว่า “positive chemistry” อันหมายถึงการมีเคมีที่เป็นไปทางบวก) และหลังจากแตะเรื่องละเอียดอ่อนนี้แล้วก็พยายามมองไปข้างหน้าแทนที่จะคุยกันเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
ทรัมป์บอกว่า “ถือเป็นเกียรติ” ที่ได้เจอปูตินขณะที่ผู้นำรัสเซียไม่ได้แสดงความปลาบปลื้มต่อทรัมป์ถึงขนาดนั้น
นี่คือความแตกต่างระหว่าง “ลีลา” ของทั้งสองอย่างชัดเจน
พอถึงเรื่องซีเรีย ทั้งสองก็เห็นพ้องกันว่าจะต้องจับมือ (ร่วมกับจอร์แดนด้วย) ในการประกาศหยุดยิงในซีเรียตะวันตกเฉียงใต้เพื่อระงับความขัดแย้งที่อาจจะมีขึ้นได้ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย
“การพูดจาระหว่างผมกับประธานาธิบดีปูตินเป็นไปด้วยดี” ทรัมป์บอกนักข่าว
แน่นอนว่าอีกหัวข้อสำคัญคือกรณียูเครนที่รัสเซียได้เข้าไปทำอะไรหลายอย่าง ที่สหรัฐและยุโรปคัดค้านมาตั้งแต่ยุคของโอบามา แต่ดูเหมือนทรัมป์จะไม่ได้พยายามจับเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญมากนัก
เพราะทรัมป์ต้องการจะสร้างภาพว่าเขาพูดกับปูตินรู้เรื่องกว่าโอบามา
แต่ทรัมป์จะพูดจาภาษาดอกไม้ทั้งหมดก็ไม่ได้เพราะจะเป็นท่าทีที่ “หน่อมแน้ม” เกินไป ไม่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำโลกของวอชิงตัน
ดังนั้นในคำปราศรัยก่อนพบปูตินขณะที่เยือนโปแลนด์ก่อนจะบินไปเมืองฮัมบูร์กของเยอรมัน ทรัมป์ประกาศให้รัสเซีย “ยุติกิจกรรมที่มีผลทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพ” ในโลก และให้ยุติความช่วยเหลือต่อรัฐบาลซีเรียและอิหร่าน
แต่ทรัมป์ก็ไม่ได้บอกว่าหากปูตินไม่ฟังตามคำร้องขอนี้ อเมริกาจะทำอะไรได้
ถ้าผมจะให้คะแนน การพบกันครั้งแรกระหว่างทรัมป์กับปูตินจบลงด้วยปูตินชนะทรัมป์ 60:40 ทีเดียว!