นับถอยหลังสปท.
ในบทบัญญัติมาตรา266 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน
ระบุว่า “ให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศอยู่ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการปฏิรูป จนกว่าจะมีกฎหมายว่าด้วยแผน และขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศที่ตราขึ้นตามมาตรา 259”
000 ทั้งนี้หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้ลงมติเห็นชอบกฎหมายปฏิรูปจำนวน 2 ฉบับ คือ“ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ“ และ ”ร่างพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ” ในวาระ3 เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ และหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้จะส่งผลให้สถานภาพของสปท. ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเหลืออยู่ 174 คนจะต้องสิ้นสุดลงในทันที
000 คำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสปท. (วิป สปท.) ระบุถึงกรอบการทำงานในระยะเวลาที่เหลืออยู่ โดยจะทำหน้าที่จนถึงวันสุดท้ายคือวันที่ 31 ก.ค.นี้ และเหลือการประชุมอีก 5 นัด คือ วันที่ 11, 17,18 , 24, 25 ก.ค.นี้ ขณะที่ในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางมาเพื่อแสดงความขอบคุณ สมาชิก สปท. ที่ได้ดำเนินการศึกษาและเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนตามเจตนารมณ์ในการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
000 ในวันดังกล่าวจะมีการรับมอบผลการศึกษาและข้อเสนอแนะในการปฏิรูปด้านต่างๆ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองให้ผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย
000 เท่ากับว่านับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไปประเทศไทยจะเข้าสู่โหมดของการ “คิ๊กออฟ” แผนปฏิรูปในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมเฝ้าจับตา พร้อมคาดหวังว่าการปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างมั่นคง โดยเฉพาะบางเรื่องที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 1 ปีข้างหน้า เพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน
..............
- ดารากร -