ปรับทัพลงทุนหุ้นรับ Q3

ปรับทัพลงทุนหุ้นรับ Q3

ปรับทัพลงทุนหุ้นรับ Q3

เวลาเดินทางมาถึงเดือนกรกฎาคมพร้อมกับเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 กันแล้วนะครับ เศรษฐกิจการลงทุนช่วงนี้น่าติดตามมากทีเดียว เศรษฐกิจโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้นจากปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และยุโรป ที่เริ่มระบุการลดมาตรการ QE ลงเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าด้วยการเติบที่แท้จริง การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯกำลังเติบโตไปข้างหน้า เช่นเดียวกับยุโรปที่ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น นั่นส่งผลให้ความผันผวนจากความไม่แน่นอนต่างๆลดลงไป

อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจและตลาดจับตามองจากนี้คือเรื่องของการลด QE ของสหรัฐฯลง ว่าจะเริ่มต้นเมื่อไร นั่นทำให้เราเห็นการปรับตัวลงในตลาดต่างประเทศบ้างรวมถึงราคาน้ำมันที่ยังมีความผันผวนและส่งผลต่อตลาดเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ คาดว่า Fed จะประกาศลดอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้และลงมือดึงเงินกลับจริงในเดือนตุลาคม 2560 และนั่นจะทำให้ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ พิจารณาปรับลด QE ตามไปด้วย โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

โดยการลดขนาดสินทรัพย์ของสหรัฐฯจะทำการลดจากระดับ 4.5 ล้านล้านเหรียญฯ ให้เหลือ 2.1 ล้านล้านเหรียญฯ โดยปรับลดครั้งละ 1 หมื่นล้านเหรียญฯ , 2 หมื่นล้านเหรียญฯ , 3 หมื่นล้านเหรียญฯ และ 5 หมื่นล้านเหรียญฯ ในทุกๆ 3 เดือนต่อเนื่องไปจนหมด ใช้ระยะเวลาทั้งหมดทั้งมวลประมาณ 4 ปีครึ่ง ถึง 5 ปี

ปัจจัยที่น่ากังวลนั่นคือ การลดขนาดสินทรัพย์ของสหรัฐฯแต่ครั้งเงินจะดึงออกจากระบบทำให้อัตราดอกเบี้ยของตลาดสูงขึ้น เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์ที่อ้างอิงกับเงินดอลลาร์มีความน่าสนใจมากขึ้น ดังนั้น หากสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยเร็วและลดขนาดสินทรัพย์อย่างเร็วจะส่งผลให้ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้เกิดความผันผวนได้ แต่หากค่อยปรับลดขนาดสินทรัพย์ลงผมเชื่อว่าตลาดอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมาก

ดังนั้นแล้วผมประเมินว่า ในปี 2018 จะเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะจะเป็นปีแรกที่ปริมาณเงินในโลกที่มีจำนวนมากลดลง และทำให้แต่ละประเทศต้องมาดูกันว่าจะทำยังไงให้ตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ มีความน่าสนใจและดึงดูดเงินลงทุนไว้อยู่ต่อไป

สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 นี้ ผมของบอกว่า หุ้นน่าไทยยังน่าสนใจด้วยทิศทางดัชนีที่กำลังจะไปทดสอบระดับ 1,600 จุด แม้ว่าดัชนีจะมีการปรับตัวลงมาตลอดเมื่อเข้าใกล้ระดับดังกล่าว แต่ก็เป็นการปรับตัวลงมาไม่มากเพราะยังมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมาหนุนตลาดอยู่ ดังนั้นผมประเมินว่าในไตรมาสที่ 3 นี้ กรอบดัชนีหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวกรอบกว้างที่ 1,520-1,640 จุด

ขณะที่กลุ่มหุ้น (Sector) หลักๆที่ยังเป็นบวกอยู่ได้แก่ กลุ่ม ICT , กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มอุปโภคบริโภค ส่วนกลุ่มที่ยังมีความไม่แน่นอนคือกลุ่มน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์

กลุยทธ์การลงทุนในตรมาสที่ 3 นี้ นักลงทุนอาจเน้นไปที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนจากการจ่ายปันผลที่ดี และหุ้นกลุ่มที่ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามตลาด (Laggard)

ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากเรื่องเงินทุนไหลออกบ้าง สิ่งสำคัญที่จะช่วยตลาดได้ในปี 2018 คือ เรื่องความชัดเจนทางการเมืองจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำเกิดความเชื่อมั่นต่อภาคเศรษฐกิจและการลงทุนรวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในปีหน้ายังเป็นตลาดที่น่าลงทุนอยู่ ตลาดหุ้นไทยจะโตได้ที่ระดับ 8% และที่ระดับ 12% ในปี 2018นี่คือจากการประเมินจาก KTBST ครับ

การเตรียมวางแผนการลงทุนจึงมีความสำคัญ ทาง KTBST Wealth Management มีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล การลงทุนอัตโนมัติ Smart Algo พร้อมทั้งมีที่ปรึกษาการลงทุนที่คอยให้คำแนะนำ ท่านที่สนใจสามารถติดต่อ ได้ที่ 02-648 1747 / 02-648 1458