Amazon เตรียมพลิกโฉมวงการค้าปลีกด้วย AI

Amazon เตรียมพลิกโฉมวงการค้าปลีกด้วย AI

ช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา Amazon ได้เข้าซื้อกิจการ Whole Foods Market ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตระดับไฮเอนด์ที่จำหน่ายวัตถุดิบและอาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อเทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ข้อมูลกับ AI ของ Amazon ผนวกเข้ากับ Whole Foods ซึ่งเป็นกิจการค้าปลีกบนโลกออฟไลน์ จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งผู้ค้าปลีกรายเดิมๆ จะต้องปรับตัวกับรูปแบบของการค้าปลีกแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นนี้

Amazon สนใจในธุรกิจฟู้ดรีเทล เนื่องจากคนต้องซื้ออาหารเป็นประจำ การควบรวมกิจการกับ Whole Foods ครั้งนี้จะทำให้ Amazon เป็นทั้งแหล่ง shopping รวมถึงเป็นจุดกระจายสินค้าสำหรับบริการส่งอาหาร 

ที่สำคัญ Amazon ยังได้เข้าถึงข้อมูลของลูกค้าของ Whole Foods ที่เก็บมาเป็นเวลานานอีกด้วย อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ผ่านมาของ Whole Foods ก็อาจจะยังไม่น่าสนใจนักหากเทียบกับข้อมูลที่ Amazon กำลังจะเก็บในอนาคต

Amazon ได้ทดลองสร้างร้านค้าปลีกชื่อ Amazon Go ที่มีวิธีการซื้อสินค้าแบบใหม่ เพียงลูกค้าเดินเข้าไปในร้าน หยิบของที่ต้องการแล้วเดินออกมาได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายเงินที่แคชเชียร์ เพราะ Amazon Go จะใช้เซ็นเซอร์และกล้องจำนวนมากในการติดตามพฤติกรรมของลูกค้าในร้าน เพื่อดูว่าลูกค้าคนไหนหยิบสินค้าอะไร แล้วส่งข้อมูลเหล่านั้นไปให้ AI เมื่อลูกค้าเดินออกจากร้าน AI จะหักเงินออกจากบัตรเครดิตของลูกค้า 

แต่ระบบนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จดีนักเนื่องจากไม่สามารถเก็บพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างทั่วถึงเมื่อมีลูกค้าจำนวนมาก ดังนั้นการขยายสาขาของโครงการนี้จึงถูกเลื่อนออกไป แต่เซ็นเซอร์และเทคโนโลยี AI เหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์เพื่อสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของลูกค้าได้ที่ Whole Foods

หาก Whole Foods จัดร้านที่มีเซ็นเซอร์และกล้องที่คล้ายกับร้าน Amazon Go   Amazon จะสามารถติดตามและเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าภายในร้านได้ตั้งแต่เส้นทางที่ลูกค้าใช้เดินค้นหาสินค้า ระยะเวลาที่ลูกค้าใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ประเภทของสินค้าที่ลูกค้าเลือกหยิบขึ้นมา ระยะเวลาในการอ่านฉลากสินค้า สินค้าที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้เลย ฯลฯ 

ข้อมูลเหล่านี้กำลังจะถูกเก็บมากขึ้นเรื่อยๆ รายละเอียดเหล่านี้ เป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้เหล่า data scientist ทำฝันของ Amazon ให้เป็นจริงได้ โดยพวกเขาจะช่วยทำให้ Amazon กลายเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใช้ข้อมูลได้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดกว่าธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ในโลก เพราะข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงการจัดพื้นที่ของร้านให้เหมาะสม การคัดเลือกประเภทสินค้าที่ลูกค้าต้องการรวมถึงการจัดโปรโมชั่นเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าแต่ละคนได้

หากถามผมว่าธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันจะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้หรือไม่ คำตอบคือ “ได้” ถ้าหากธุรกิจในตลาดขณะนี้ปรับตัวได้เร็วพอ ธุรกิจค้าปลีกควรเริ่มใช้เซ็นเซอร์เพื่อเก็บข้อมูลของลูกค้า รวมถึงเริ่มลงทุนด้าน AI และ Data 

ด้วยเหตุนี้ร้านค้าปลีกจึงควรที่จะเริ่มจับคู่กับธุรกิจที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้กับบริษัทตนได้ ที่เซอร์ทิสเองเราก็ได้พัฒนางานด้าน AI ที่ใช้กล้องตรวจสอบในร้านค้าปลีก เพื่อตรวจเช็คสต๊อก สถานะสินค้าและให้แนวทางในการปฏิบัติ นอกจากนี้ยังนำมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อช่วยให้เกิดการจัดหมวดหมู่สินค้าได้ดีขึ้น รวมถึงใช้วิเคราะห์พฤติกรรมพนักงานภายในร้าน ซึ่งจะช่วยลดการฉ้อโกงในร้านค้าได้อีกด้วย

Retail is detail’ ธุรกิจค้าปลีกจะสำเร็จได้ ก็ด้วยการใส่ใจรายละเอียด Amazon คือเจ้าพ่อแห่งการประยุกต์ใช้รายละเอียดของข้อมูลลูกค้า และด้วยเหตุที่ Amazon เข้าใจลูกค้าของเขามากกว่าผู้ค้าปลีกรายอื่นๆ

นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ Amazon มีมูลค่าราคาตามตลาดสูงกว่า Walmart ถึง“สองเท่า” การเข้าซื้อ Whole Foods ของ Amazon ครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยีจากโลกออนไลน์มาผสานกับโลกออฟไลน์อย่างเต็มตัว 

ธุรกิจค้าปลีกจึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้ทันกับยุค data revolution นี้ ไม่เช่นนั้นธุรกิจเหล่านี้อาจจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้