ร้อนกลางสายฝน เลือกประมุขตุลาการ!

ร้อนกลางสายฝน  เลือกประมุขตุลาการ!

เป็นข่าวเล็กๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต้องบอกว่า “สะเทือนวงการ” เพราะนี่คือ 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตย

เมื่อ อนุ ก.ต.ที่ทำหน้าที่กลั่นกรองคุณสมบัติผู้พิพากษา ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนที่ 44 ต่อจาก นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานฯคนปัจจุบันที่กำลังจะเกษียณอายุ ได้ลงมติกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบคุณสมบัติของผู้อาวุโสอันดับ 1 ที่รับได้การเสนอชื่อ แถมคะแนนที่หลุดเป็นข่าวออกมา 19 ต่อ 1 ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา!!!

งานนี้ตกเป็นประเด็นวิจารณ์กันทั้งวงการศาล เพราะการเลือกประธานศาลฎีกาตลอดมาแทบไม่เคยมีปัญหา อาวุโสอันดับ 1” ได้รับเลือกตลอด เนื่องจากเป็นระบบที่เคารพอาวุโสมาก เรียกว่าตั้งแต่สอบบรรจุเข้าเป็นผู้พิพากษา ก็แทบจะรู้กันแล้วว่าใครในรุ่นนี้จะได้เป็นประธานศาลฎีกา จนมีการแซวกันว่าเป็น “ระบบไล่นับนิ้ว”

ข่าวว่าปีนี้มีความเคลื่อนไหวหนักมากในศาลอุทธรณ์ มีผู้พิพากษาล่าชื่อทำหนังสือไปถึงอนุ ก.ต. และมีปรากฏการณ์เชิญอดีตประธานศาล... ประธานแผนก... และผู้พิพากษาระดับหัวหน้าคณะ มาเป็นพยาน รวมทั้งให้ข้อมูล ฯลฯ

ขั้นตอนการเลือกประธานศาลฎีกา...เมื่อสำนักงานศาลยุติธรรมเสนอชื่อตามหลักอาวุโสแล้ว อนุ ก.ต. 3 ชั้นศาล ประกอบด้วย ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ชั้นศาลละ 7 คน รวมเป็น 21 คน จะประชุมพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติ ทั้งในเรื่องความรู้ความสามารถ การทำงาน ความประพฤติ สุขภาพ และอื่นๆ ก่อนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เพราะชื่อที่เสนอมา ตามธรรมเนียมปฏิบัติจะมีเพียงชื่อเดียว จะไม่ส่งผู้พิพากษาที่มีอาวุโสรองลงมาเพื่อแข่งขัน

แต่มติอนุ ก.ต.ยังไม่เป็นที่สุด เพราะจะต้องส่งมติและสรุปรายงานไปยังที่ประชุม ก.ต.ชุดใหญ่ ที่ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา, ผู้พิพากษาศาลฎีกา 6 คน, ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ 4 คน, ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น 2 คน และผู้แทนจากวุฒิสภา 2 คน เพื่อพิจารณา และลงมติชี้ขาดอีกครั้ง

การประชุม ก.ต.ชุดใหญ่จะมีขึ้นในวันนี้ (3 ก.ค.) ถ้ามีมติตรงกันข้ามกับอนุ ก.ต. ก็จะได้ประธานศาลฎีกาคนใหม่ แต่ถ้าเกิดเห็นด้วยกับอนุ ก.ต. งานนี้ต้องไปเริ่มกระบวนการเสนอชื่อกันใหม่ คือผู้พิพากษาที่มีอาวุโสลำดับรองลงมา