ลงทุนในหุ้นควรพิจารณาอย่างไร

ลงทุนในหุ้นควรพิจารณาอย่างไร

ต้องการลงทุนด้วยตัวเอง จำนวนหุ้นที่ควรอยู่ในพอร์ตนั้น แนะนำว่าไม่ควรเกิน 10 บริษัท

ก้าวแรกของนักลงทุนมือใหม่ที่เข้าตลาดหุ้นไทยมักมีปัญหากับการเลือกหุ้นลงทุนเข้าสู่พอร์ตของตัวเองว่าควรจะทำอย่างไร เนื่องจากงานวิเคราะห์ของบรรดาโบรกเกอร์ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีจำนวนหุ้นแนะนำ 'ซื้อ' มากกว่า 70 บริษัทจากหุ้นที่ทำการวิเคราะห์ติดตามอย่างใกล้ชิดกว่า 130 บริษัท

อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดของเงินลงทุน นักลงทุนไม่สามารถกระจายหุ้นในพอร์ตได้มากขนาดนั้น และ นักลงทุนก็ไม่มีความสามารถที่จะติดตามผลประกอบการของบริษัทจำนวนทั้งหมดได้

ผมแนะนำทางเลือกว่า 1. ท่านสามารถกระจายความเสี่ยงของการลงทุนผ่านการซื้อหน่วยกองทุนได้ หรือ 2. หากท่านต้องการลงทุนด้วยตัวเอง จำนวนหุ้นที่ควรอยู่ในพอร์ตนั้น แนะนำว่าไม่ควรเกิน 10 บริษัท
ผมขอหยิบยกในกรณีทางเลือกที่ 2 ขึ้นมาคุยกัน เนื่องจากนักลงทุนมักมีปัญหาในการเลือกหุ้นที่ชอบ แต่มักไม่ใช่ จึงส่งผลให้การลงทุนในพอร์ตแทนที่จะสร้างความมั่งคั่ง มั่นคงกับชีวิต กลับกลายเป็นขาดทุนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่คาดหวัง

ดังนั้น แนวความคิดของการเลือกหุ้น ควรพิจารณาให้ครบ 3 ด้านคือ

1.คุณภาพของบริษัท บริษัทน่าสนใจมักจะเป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ อัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้นควรมากกว่า 10% ขึ้นไป นอกจากนี้ กำไรของบริษัทในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว หรือ ไม่ดี นั้นควรจะหดตัวไม่มากเกินกว่า 15% บริษัทดังกล่าวมักเป็นผู้นำในเชิงการตลาดของสินค้าประเภทนั้น หรือ มีความเหนือคู่แข่งในเชิงการบริหารจัดการ ต้นทุนด้านการเงิน

2.อัตราการขยายตัวของยอดขายและกำไรควรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% โดยพิจารณาได้จากประมาณการกำไรที่นักวิเคราะห์ ประเมินใน 1-3 ปีข้างหน้า อัตรากำไรที่ขยายตัวควรมีคุณภาพดีจากผลการดำเนินงานหลัก หากบริษัทใดมีผลกำไรมาจากกำไรพิเศษในสัดส่วนสูงย่อมไม่ค่อยดีนัก

3.เมื่อผ่านเกณฑ์ใน 2 ข้อแรก ข้อสุดท้ายคือ มูลค่าที่เหมาะสมสำหรับหุ้นดังกล่าวนั้นควรสูงกว่าตลาดหุ้นซื้อขายในปัจจุบันมากกว่า 20% ขึ้นไปก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงจากราคาหุ้นปรับลงได้อย่างจำกัด

หากนักลงทุนประเมินหุ้นที่เราสนใจเข้าเกณฑ์ทั้งสามประการที่ผมกล่าวมา ย่อมส่งผลให้การลงทุนของเราในระยะยาวน่าจะประสพสำเร็จไปตามเป้าหมายไว้ได้อย่างแน่นอนครับ