โกหกเต็มหน้า!

โกหกเต็มหน้า!

ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมือง และสื่อมวลชนที่หนังสือพิมพ์ จะตีพิมพ์บทความเรื่องเดียวเต็มหน้าอย่างนี้

พาดหัวตัวเบ้อเร่อว่า Trump’s Lies

ไม่ต้องอ่านต่อก็รู้ว่านี่คือการไล่เรียง “โกหกคำโต” ของทรัมป์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

เมื่อทรัมป์กล่าวหาสื่อที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาว่าเป็น Fake News หรือข่าวโป้ปดมดเท็จ สื่อก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องหาทางพิสูจน์ความจริง เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าใครพูดความจริงกันแน่

นี่คือ “นวัตกรรม” การนำเสนอข่าวและบทวิเคราะห์ ที่สื่อจะต้องพัฒนาขึ้นเพื่อปักหลักสู้กับผู้นำประเทศ ที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารเพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจของตน

อาจจะเกิดวลีใหม่ในแวดวงการเมืองของสหรัฐ จากสมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันที่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับคดีวอเตอร์เกต กลายเป็นหนังสือและหนังเรื่อง

All the President’s Men อันหมายถึงคนรอบข้างของนิกสัน ที่ร่วมกันก่อเรื่องกลายเป็นวิกฤติการเมืองระดับชาติ

วันนี้อาจมีวลีใหม่ว่า All the President’s Lies ซึ่งน่าจะร้ายแรงกว่าเพราะวลีนี้เจาะลงไปตรงตัวของประธานาธิบดีที่ชื่อโดนัลด์ ทรัมป์

แปลตรงตัวคือเรื่องโกหกที่ทรัมป์ได้พูดมามากมาย ตั้งแต่เข้าทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 20 มกราคมปีนี้

เพียงแค่ห้าเดือนเศษๆ ในตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ทรัมป์ก็สามารถพูดเรื่องราวที่ผิดจากความจริงได้อย่างมากมายเพียงนี้ ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาจนโพลล่าสุดบอกว่า ความนิยมชมชอบของประชาชนต่อเขาร่วงลงมาที่ 36% อันเป็นจุดต่ำสุดสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนที่ผ่านมา

สื่อสหรัฐที่ทำหน้าที่รายงานข่าวสารต่อประชาชนมายาวนานไม่ว่าจะเป็น New York Times, Washington Post, CNN ต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกทรัมป์ตราหน้าว่ามีความลำเอียงและอคติต่อเขา ถึงขั้นที่ชี้นิ้วกล่าวหาว่าสื่อเหล่านี้เป็น “ศัตรูของประชาชน”

ล่าสุดทำเนียบขาวตั้งกฎกติกาที่ไม่เคยมี นั่นคือโฆษกรัฐบาลสั่งห้ามกล้องทุกประเภทเข้าถ่ายขณะที่มีการตอบคำถามนักข่าว ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติที่ไม่เคยได้พบได้เห็นมาก่อน

จนเกิดคำถามว่าทำเนียบขาวมีอะไรจะปิดบังซ่อนเร้นจากประชาชนหรือจึงต้องห้ามการบันทึกภาพของการซักถามของนักข่าว

แต่สื่อก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย วิธีการตอบสนองต่อการออกคำสั่งเพี้ยน ๆ อย่างนี้สำหรับ CNN ก็คือการส่งนักเขียนรูปเข้าทำเนียบขาว เมื่อถ่ายรูปไม่ได้ก็วาดเอา อย่างน้อยที่สุดก็สามารถบอกสาธารณชนว่าสื่อได้พยายามจะสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในบ้านเมือง

ไม่น่าแปลกใจที่เราจะเริ่มได้ยินว่าการสื่อสารระหว่างประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอันศักดิ์สิทธิ์ของสหรัฐ มาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมากว่า 200 ปีนั้นบัดนี้กำลังจะถูกลิดรอน และระบบเซ็นเซอร์ในรูปแบบต่าง ๆ กำลังจะเกิดขึ้นในอเมริกาแล้ว

สัจธรรมกำลังจะได้รับการพิสูจน์ แม้ในประเทศที่อ้างว่าก้าวหน้า และเป็นประชาธิปไตยที่สุดในโลก

ข่าวคือข้อมูลใดๆ ที่มีคนใดคนหนึ่งพยายามจะปิดบังซ่อนเร้น”

(News is what somebody somewhere wants to suppress.)

เป็นสัจธรรมอีกเช่นกันว่าประชาชน มักจะตระหนักในความสำคัญของเสรีภาพสื่อ เมื่อบ้านเมืองคับขันเท่านั้น!