แจ็คหม่าโกอินเตอร์

แจ็คหม่าโกอินเตอร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แจ็คหม่า ผู้ก่อตั้ง “อาลีบาบา” แพลตฟอร์ม E-commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในเวที Gateway 17

 ที่เมืองดีทรอยด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวทีที่อาลีบาบาจัดขึ้นเองเป็นพิเศษสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 3,000 คน ของสหรัฐฯ ที่สนใจบุกตลาดประชากรหนึ่งพันล้านคนของจีน นับเป็นการ “โกอินเตอร์” อีกครั้งของแจ็คหม่า เพื่อสร้างแบรนด์อาลีบาบาในสหรัฐฯ

แจ็คหม่าเลือกเมืองดีทรอยด์ เพราะเป็นที่ตั้งของ SMEs จำนวนมากในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวกับอาหารและสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ซึ่งน่าจะถูกใจลูกค้าชาวจีน

แจ็คหม่าขึ้นเวทีรวมทั้งหมด 2 ครั้ง ช่วงแรกเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ให้ข้อคิดและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ อีกช่วงหนึ่งเป็นการสนทนากับชาร์ลี โรส พิธีกรชื่อดังของสหรัฐฯ ซึ่งได้นำไปออกอากาศในรายการของเขาในโทรทัศน์ด้วย

แจ็คหม่าอธิบายง่ายๆ ว่า อาลีบาบาไม่เหมือนเว็บอเมซอนของสหรัฐฯ เพราะอเมซอนเป็นบริษัท E-Commerce (เป็นคนขายสินค้าเองทั้งหมด) แต่อาลีบาบาเป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ประกอบการทุกรายสามารถทำตัวเป็นบริษัท E-Commerce เองได้

แจ็คหม่าย้ำกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของสหรัฐฯ ว่า ขอให้ใช้เว็บอาลีบาบาเป็นช่องทางค้าขายกับลูกค้าจำนวนมหาศาลในจีน “คุณไม่มีอะไรที่จะต้องเสีย อย่างเดียวที่คุณจะเสียถ้าคุณไม่ใช้เรา ก็คือ โอกาส”

ตัวอย่างที่น่าทึ่ง เช่น มีผู้ประกอบการในสหรัฐฯ สามารถขายลิปสติก 2 ล้านแท่ง ในเวลา 10 นาที หรืออย่างฟาร์มล็อบสเตอร์ในแคนาดา ที่สามารถขายล็อปสเตอร์ถึง 100,000 ตัว หลังจากเปิดรับออร์เดอร์จากลูกค้าจีน จนต้องรีบหยุดรับออร์เดอร์ทันที

เป้าหมายของอาลีบาบา คือทำระบบครบวงจร ทั้งแพลตฟอร์มเว็บและการขนส่ง จนลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก สามารถรับสินค้า (ไม่ว่าจะส่งมาจากประเทศใด) ภายในเวลา 72 ชั่วโมง

ในตอนหนึ่งของสุนทรพจน์ แจ็คหม่ายังได้สรุปเคล็ดลับความสำเร็จของอาลีบาบาไว้ 5 ข้อ ซึ่งน่ารับฟังอย่างมากครับ

หนึ่ง มีภาพอนาคต ถ้าผู้ประกอบการไม่มีภาพอนาคตของกิจการ ก็ไม่มีทางที่จะรวมพลังความสามัคคีของพนักงานในองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายและสร้างวิสัยทัศน์ให้เป็นความจริงได้

เจ้าของกิจการที่ดี ต้องไม่จ้างลูกน้องมาทำงานรับใช้ตัวเอง แต่ต้องจ้างลูกน้องที่พร้อมทำงานหนักเพื่อบรรลุภาพอนาคตที่ทุกคนในบริษัทมีร่วมกัน

สอง มีทีมงานที่ดี ซึ่งหมายถึง ทีมงานที่เหมาะสมกับงานแต่ละอย่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด ทีมงานส่วนใหญ่ของอาลีบาบา ล้วนเป็นลูกหม้อที่เติบโตและพัฒนาฝีมือมาด้วยกันตั้งแต่แรก แจ๊คหม่าบอกว่า เขาไม่สามารถหาพนักงานเหล่านี้ได้ในตลาดแรงงาน เพราะพนักงานที่เหมาะสมกับงานแต่ละอย่างในบริษัทล้วนเกิดจากการลองผิดลองถูกและพัฒนาฝีมือภายในบริษัท

คนที่สุดยอดกับคนที่เหมาะสมอาจเป็นคนละคนกัน ถ้าคุณจ้างคนเก่ง แต่ไม่เหมาะสมกับงาน ก็เหมือนกับเอาระบบความปลอดภัยของเครื่องบินโบว์อิง 747 ไปติดตั้งในรถยนต์ ทั้งคู่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความสุดยอดได้ ดังนั้น จึงต้องสร้างคนที่เหมาะสมภายในบริษัท ไม่ใช่หาคนที่สุดยอดที่สุดในตลาดแรงงาน

สาม มองตัวสินค้าเป็นการให้บริการ แจ็คหม่าสารภาพว่า เขาไม่ได้มีความเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายนัก แต่เขาเข้าใจความต้องการของลูกค้า รู้ว่าลูกค้าต้องการได้สินค้าด้วยวิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด

ภายในบริษัท บทบาทที่สำคัญที่สุดของแจ็คหม่าก็คือ ทำตัวเป็นหนูทดลองใช้เว็บอาลีบาบา ทุกครั้งที่วิศวกรออกแบบระบบในเว็บใหม่ เขาจะต้องลองใช้ ถ้าตัวเขาเองใช้แล้วไม่ชอบ เขาก็จะตัดสินใจทิ้งระบบนั้น ถ้าเขาใช้แล้วชอบ เขามั่นใจว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะใช้และติดใจเช่นกัน

สี่ ลูกค้าสำคัญอันดับแรก พนักงานสำคัญอันดับสอง ผู้ถือหุ้นสำคัญอันดับสาม เพราะลูกค้าคือคนที่จ่ายเงินหล่อเลี้ยงบริษัท พนักงานคือคนที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าพอใจ เมื่อลูกค้าชอบใจและพนักงานพร้อมใจ ผู้ถือหุ้นก็จะพอใจเอง

ดังนั้น เขาจึงไม่ชอบคำพูดในสหรัฐฯ ที่ว่า ต้องให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นเป็นอันดับแรก เพราะอาจนำไปสู่การโฆษณาหลอกลวงความสำเร็จและกำไรของกิจการ ทั้งที่เนื้อในไม่มีความมั่นคงแข็งแรงและไม่สามารถครองใจลูกค้าได้จริง

ห้า ผู้ประกอบการต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน แจ็คหม่าอธิบายว่า ถ้าในทุ่งมีกระต่าย 9 ตัว แล้วคุณต้องการจะจับตัวใดตัวหนึ่ง ก็จงอย่าเปลี่ยนเป้าหมายกลับไปกลับมา ให้ตั้งเป้าให้ชัดเจนเลยว่าจะจับตัวใดและทุ่มพลังทั้งหมดไปตรงนั้น ถ้ามัวเปลี่ยนเป้าหมายไปมา สุดท้ายอาจมือเปล่ากลับบ้าน

สำหรับช่วงการสนทนากับชาร์ลี โรส นอกจากแจ็คหม่าจะเล่าอุปสรรคขวากหนามในอดีตกว่าที่อาลีบาบาจะฝ่าฟันมาจนมีวันนี้ เขายังตอบคำถามหลายข้อที่สื่อมวลชนในสหรัฐฯ ให้ความสนใจ

เมื่อถามถึงข้อกล่าวหาว่าเว็บอาลีบาบาเต็มไปด้วยของปลอมและละเมิดลิขสิทธิ์ จนผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ไม่มีใครกล้าเอาของไปขายในเว็บอาลีบาบา เพราะกลัวคนจีนปลอมสินค้าในวันถัดไป แจ็คหม่าให้คำมั่นว่าอาลีบาบากำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเขายอมรับว่า ของปลอมและของละเมิดลิขสิทธิ์เป็น “มะเร็งร้าย” ที่ต้องรีบแก้ไขก่อนที่จะกัดกินเนื้อดีของอาลีบาบา

มีคนวิจารณ์ในเว็บของจีนว่า แจ็คหม่าช่างเก่งเหลือเกินในการพูดให้ถูกจริตผู้ฟัง พอเป็นเวทีในสหรัฐฯ แจ็คหม่าก็โจมตีของปลอมและของละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเต็มที่ แต่ในเวทีที่จีน แจ็คหม่ามักแบ่งรับแบ่งสู้ ในด้านหนึ่งก็ย้ำเน้นว่าอาลีบาบาจะแก้ไขเรื่องนี้ ในอีกด้านหนึ่งก็แสดงความเห็นโจมตีสินค้าแบรนด์เนมว่าตั้งราคาอย่างไร้เหตุผล และกล่าวว่าของปลอมชั้นดีของจีนก็มีคุณภาพแทบไม่แพ้ของจริง ซึ่งความเห็นในลักษณะนี้ก็ถูกจริตผู้ประกอบการรายย่อยของจีนจำนวนมากที่ยังขายของปลอม และผู้บริโภคชาวจีนที่ไม่มีเงินซื้อสินค้าแบรนด์เนมของจริง

อีกคำถามหนึ่งเกี่ยวกับอนาคตของ AI ซึ่งเริ่มจะฉลาดไม่แพ้มนุษย์แล้ว แจ็คหม่าให้ความเห็นว่า ต่อไปด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี คนจะทำงานน้อยลง โดยคนทั่วไปน่าจะทำงานเฉลี่ยวันละ 4 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 4 วัน นอกจากนั้น เขายังเห็นว่าเราน่าจะพยายามใช้ AI ทำในสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้หรือทำได้ไม่ดี ไม่ใช่สร้าง AI ให้ทำงานแทนมนุษย์

นับจากนี้ เราน่าจะเห็นแจ็คหม่าโกอินเตอร์ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย เพื่อส่งสัญญาณไปยังภาครัฐของประเทศต่างๆ ว่าอาลีบาบาสามารถช่วยสร้างงานและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมทั้งดึงเอาผู้ประกอบการทั่วโลกเข้ามาใช้แพลตฟอร์มอาลีบาบาในการขายสินค้าไปยังผู้บริโภคชาวจีน