ดราม่า 'สหายเสี่ย'

 และจ่ายรายละ 2.2 แสนบาท

สำหรับที่กรุงเทพฯ กอ.รมน. ได้จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือ ผรท.ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เฉพาะอดีตสหายมีถิ่นพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก จำนวน 294 คน

เท่าที่มีการตรวจสอบพบว่า คนที่มารับการช่วยเหลือนั้น เป็นนักศึกษา นักการเมือง กรรมกร และผู้รักประชาธิปไตย ยุค 14 ตุลา หรือ “คนเดือนตุลา” กว่าร้อยละ 80 

เวลานี้ พวกเขามีอายุ 60-65 ปี ส่วนมากไม่ได้เป็น “เซเลบเดือนตุลา” จึงไม่มีคนรู้จักในวงกว้าง มีอยู่ 5-6 คน ที่จัดว่าเป็น “ผู้นำนักศึกษา” สมัยโน้น 

หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ได้มีปฏิกิริยาจาก “คนเดือนตุลา” หรือ “อดีตสหาย” มากมาย

ผู้ใช้เฟซบุ๊ค "ประกอบ...“ ได้เรียกคนเดือนตุลา ที่ไปรับเงิน 2  แสนว่า “สหายเสี่ย” พร้อมคอมเมนท์ว่า

"รับทราบข่าวคราวบางเรื่อง อยากถามเพื่อนพ้องน้องพี่ว่า คิดเช่นใดกับข่าวนี้ สำหรับผม เศร้าครับ 

อุดมการณ์สามารถรีดไถภาษีประชาชนได้จริง ประชาชนได้ชดใช้ให้สหายเสี่ยทั้งหลาย ที่อุตส่าห์หนีเข้าป่าไปปฏิวัติแล้วครับ ขอคารวะนักปฏิวัติตัวจริงที่ทำไปด้วยอุดมการณ์ ยึดมั่นสัจจะ และไม่ขายจิตวิญญาณ ครับ

นี่คือข่าว ที่ทำให้ผมสะอึกและเศร้าใจครับ สหายเสี่ยหลายคนเคยพบ เคยรู้จัก แต่ผมทำมันหล่นหายระหว่างทางในชีวิตผมแล้วครับ"

ว่ากันตามตรง “สหายในเมือง” ไม่มีสิทธิรับเงิน 2 แสนบาท เพราะ กอ.รมน.ประกาศเงื่อนไข “ต้องเป็นคนยากจน มีรายได้ทั้งปี 6 หมื่นบาท”

แต่คนเดือนตุลา ที่มารับเงิน ผรท.ส่วนใหญ่ มีฐานะดี มีเงินเดือนประจำ มีตำแหน่งหน้าที่การงาน ไม่ใช่คนยากจน

ผู้ใช้นาม “Sano...” มาแสดงความเห็นเรื่องเงื่อนไขว่า

"บางคนใช้สิทธิ แต่เงื่อนไขอาจไม่ตรง พูดอย่างตรงไปตรงมาคือโกหกเรื่องสถานะตนเอง พูดยากครับ ระหว่างสิทธิ กับความเหมาะสม 

แล้วเเต่ดุลยพินิจของสหายแต่ละคน กับเหตุผลเรื่อง ความจำเป็นที่ต้องใช้ปัจจัยการดำรงชีวิต 

บังเอิญผมพอจะพึ่งตนเองได้ไม่ต้องไปพึ่งเงินช่วยเหลือจากภาษีประชาชน เก็บความภูมิใจ ไว้เล่าอดีตให้ลูกหลานฟังอย่างสมศักดิ์ศรี"

จะว่าไป กอ.รมน.ก็ใจดี ขนาด “อดีตสหายอีสานใต้” คนหนึ่ง ตอนนี้จัดวิทยุใต้ดินกับ “โกตี๋” ด่าทหารข้ามโขงมาทุกคืน ก็ยังอนุญาตให้ “ลูกสาว” ของสหายคนนั้นมารับเงิน 2 แสนแทนพ่อ

นี่คือมรดกตกค้าง 66/2523 ที่ใช้เงินภาษีชาวบ้านไปแล้ว 4 พันล้าน??