โลกเข้าสู่ยุค 'ปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบ 4' : ไทยพร้อมหรือยัง?

โลกเข้าสู่ยุค 'ปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบ 4' : ไทยพร้อมหรือยัง?

คนไทยเราอาจจะกำลังถกแถลงกันเรื่อง Thailand 4.0 แต่การวิเคราะห์ในระดับโลก

เขากำลังจับประเด็นว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ “การปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบที่ 4” แล้ว

แปลว่าคนไทยพูดอะไรทำอะไรช้าไปหลายย่างก้าวหรือไม่?

หนังสือเล่มนี้ฉายภาพให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ครั้งนี้จะไม่เหมือนกันการ “ปฏิวัติอุตสาหกรรม” ของโลกที่ผ่านมา

ปฏิวัติรอบก่อน ๆ นี้ทำให้มนุษย์หันมาใช้เครื่องจักรแทนแรงงานสัตว์ ทำให้สามารถผลิตสินค้ามาใช้ครั้งละจำนวนมาก ๆ ที่เรียกว่า mass production และต่อมาก็ใช้เทคโนโลยีดิจิตัลที่สร้างความสะดวกสบายให้กับมวลชนได้

แต่ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่นี้เป็นการผสมผสานของเทคโนโลยี ทั้งด้านสรีระผสมดิจิตัลและชีวภาพผสมปนเปพร้อม ๆ กันไป

ที่สำคัญคือความเปลี่ยนแปลงรอบใหม่นี้จะมีผลต่อกิจกรรมของมนุษย์ทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นสังคม, เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม

ถึงขั้นที่ท้าทายว่า “มนุษย์มีความหมายอย่างไร” กันแน่

นั่นย่อมแปลว่ามนุษย์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่มีทั้งโอกาสมหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงมโหฬาร

ข้อดีคือความสามารถในการเชื่อมคนในโลกเป็นพันล้านคน ผ่านเครือข่ายดิจิตัลอันนำไปสู่การยกระดับ ประสิทธิภาพขององค์กรและการบริหารทรัพยากร อีกทั้งยังอาจจะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้พ้นจากสภาพเสื่อมโทรมอย่างรุนแรงอันเกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคก่อนหน้านี้ได้

แต่ความเปลี่ยนแปลงอันหนักหน่วงรุนแรงนี้ ก็จะนำมาสิ่งภัยคุกคามอย่างรุนแรง หากคนและองค์กรไม่สามารถจะปรับตัว ให้เข้ากับความก้าวหน้าต่าง ๆ เหล่านี้ได้

หากรัฐบาลไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ช่องว่างความรวยความจนก็จะห่างออกไปอีก ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งรุนแรง และสังคมก็อาจจะปริแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้

แต่หากมนุษย์และองค์กรที่มนุษย์บริหารสามารถใช้ประโยชน์ จากผลพวงของการปฏิวัติรอบใหม่นี้ได้ด้วยการเชื่อมโยงข้ามกลุ่ม, ข้ามสังคมและข้ามพรมแดนได้ โอกาสที่จะสร้างความสุข, สันติและสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเอื้อต่อมนุษยชาติก็จะมีมากมายไร้ข้อจำกัด

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดมาพร้อมกับการ “ปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบที่ 4” นั้นต่างจากครั้งก่อน ๆ ตรงที่

เร็วกว่า กว้างและลึกกว่า และส่งผลกระทบทั้งทางดีและทางร้ายกว้างไกลกว่า

เริ่มด้วยการปฏิวัติทางด้านการกสิกรรม ตามมาด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกในรูปของการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรไอน้ำ

การปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบสองคือการทำการผลิตได้จำนวนมากพร้อม ๆ กันหรือที่เรียกว่า mass production อันเนื่องมาจากการค้นพบไฟฟ้าและระบบประกอบเครื่องยนต์กลไกในโรงงานอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบสามย่อมหมายถึงยุคการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ท

วันนี้เราก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบสี่ ซึ่งเป็นการค้นพบความเชื่อมโยงของเทคโนโลยีดิจิตัลโมบายที่นำไปสู่การสร้าง “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligence (AI) และสิ่งที่เรียกว่ machine learning หรือการที่หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้และเพิ่มพูนปัญญาของตัวเอง และทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้มากขึ้นทุกที

ถึงจุดที่ “หุ่นยนต์คิดเองได้”

เราพร้อมหรือยัง? แต่ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่พร้อม รถด่วนขบวนนี้ไม่รอเราแน่นอน!