เมื่อน้ำมันดิบหมดเสน่ห์

เมื่อน้ำมันดิบหมดเสน่ห์

ราคาน้ำมันดิบก็สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนอีกครั้งในปี 2560

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องใน 1 เดือนที่ผ่านมาภายหลังสมาชิกกลุ่มโอเปค และนอกโอเปคจับมือตกลงกันขยายเวลาลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2561 แต่ราคาน้ำมันดิบยังไม่สามารถทรงตัวได้ ซึ่งแน่นอนในความจริงคือ น้ำมันดิบที่ผลิตได้นั้นยังคงมากกว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบในปัจจุบัน

หากมองราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในปี 2559 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวได้อย่างเหลือเชื่อจากระดับราคาต่ำกว่า 30 เหรียญต่อบาร์เรลจนไปถึงระดับ 52 เหรียญต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเกรดดีซื้อขายในตลาดนิวยอร์ค ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสมาชิกกลุ่มโอเปค อิหร่านเร่งผลิตน้ำมันเพิ่มหลังยกเลิกการถูกคว่ำบารตส่งออก อิรักเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันตามโควต้าเดิมเมื่อรัฐบาลคุมความรุนแรงภายในประเทศได้ และการทยอยกลับมาของจำนวนแท่นขุดผลิตน้ำมันของบริษัทน้ำมันในสหรัฐ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านการใช้เชื้อเพลิงในรถยนต์โดยสาร

แต่ราคาน้ำมันดิบก็สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนอีกครั้งในปี 2560 เมื่อการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตตะวันออกกับรัสเซียกลับไม่มีผลต่อการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบเท่าไรเลย ราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในช่วงต้นปีกลับปรับตัวลงไปกว่า 7.6% จากต้นปีแม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงเทียบกับค่าเงินสกุลทั่วโลก (การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์จะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบเพื่อส่งออกจะได้รับผลกระทบเชิงลบ ดังนั้นกลุ่มโอเปคมักจะพยายามแทรกแซงราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้นเพื่อชดเชยค่าเงิน) และถือเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแย่สุดในพอร์ตการลงทุนของโมเดลที่เราวิเคราะห์ ซึ่งตรงกันข้ามกับการลงทุนในทองคำที่คาดว่าจะโดนเทขายต่อเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็ง แต่ความจริงคือ การลงทุนในทองคำดูเหมือนกับทรงตัวได้ดีกว่าใน 6 เดือนแรกของปี

หากราคาน้ำมันดิบลดลงไปเรื่อยๆแน่นอน จะสร้างผลบวกต่อการบริโภคของคนไทย เพราะค่าใช้จ่ายน้ำมันสำหรับเดินทางและขนส่งสินค้าจะถูกลง ซึ่งแน่นอนผู้ผลิตสินค้าไม่จำเป็นต้องปรับราคาขายเพิ่ม เพราะต้นทุนทรงตัวหรือต่ำลง ผู้บริโภคสินค้ามีกำลังใช้จ่ายเพิ่ม หากราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำกว่า 45 เหรียญต่อบาร์เรลยาว 6 เดือน ราคาสินค้าอุปโภคก็มีแนวโน้มปรับตัวลงได้ โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มและสินค้าหลายอย่างที่ผลิตได้จากผลิตภัณฑ์สายปิโตรเคมี

สรุป แม้ว่าน้ำมันดิบหมดเสน่ห์จะส่งผลบวกต่อการใช้จ่ายของคนในประเทศ อัตราเงินเฟ้อจะคงต่ำเพราะราคาสินค้าทั่วไปน่าจะทรงตัว หรือลดลงได้ นั่นหมายถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในประเทศไทยคงต่ำต่อไปอีกยาวนาน แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบต่อเนื่องส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่สามารถปรับขึ้นได้เพราะกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมี ที่มีมูลค่าตลาดสูงจะถ่วงดัชนีโดยรวมไม่ให้ปรับตัวขึ้น แต่เม็ดเงินที่ลงกระจุกในสองกลุ่มดังกล่าวก็น่าจะกระจายตัวไปสู่หุ้นกลุ่มธุรกิจอื่นๆได้ ซึ่งอาจทำให้เราประหลาดใจได้ว่าแม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ขึ้นแต่หุ้นในพอร์ตของนักลงทุนกลับสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเดิม ดังนั้นแม้ว่าระยะสั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจแย่ลง แต่หลังจากนั้น การวิ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยในรอบใหม่นักลงทุนจะรู้สึกลงทุนได้ง่ายขึ้นกว่า 6 เดือนแรกของปีนี้ เพราะการปรับพอร์ตลงทุนของตลาดหุ้นไทยรอบหน้าจะมาด้วยหุ้นมูลค่าขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งนักลงทุนทั่วไปชื่นชอบมากกว่า