Step 3: Get Over the Activation Barrier

Step 3: Get Over the Activation Barrier

There are no obstacles; only activation barriers สเต็ปที่สามของ Leadership Energy

"Isaac, you attended the leaders team meeting last night. Why don’t you become our new leader?" เพื่อนๆ อีกเจ็ดคนในทีมชี้ไปที่ไอแซค ตัวแทนจากปาปัวนิวกินี

"Sure" ไอแซคตอบอย่างมั่นใจ ทีมของเขาเพิ่งประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อห้านาทีที่แล้ว หัวหน้าทีมคนเดิมถูกดึงตัวไปทำงานอีกแผน โดยไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าก่อน สมาชิกส่วนใหญ่ยังนั่งงงๆ อยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเราจะทำงานกันต่อไปอย่างไร

ไอแซคกลายเป็นหัวหน้าคนใหม่ เขาเป็นผู้นำที่ดี สุขุม ฟัง และพิจารณาโจทย์อย่างรอบคอบก่อนจะออกความเห็นและตัดสินใจ เมื่อจบคอร์ส เพื่อนๆ ทุกคนมารุมล้อมจับมือขอบคุณที่ได้เขามาช่วยให้ภารกิจของทีมลุล่วงไปได้ด้วยดี

"Why did you attend that meeting, Isaac?" ผมถามเขาระหว่างเบรค เราอยู่ด้วยกันในโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำของธนาคารแห่งชาติ ผู้เข้าร่วมมาจาก 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย

"การประชุมเมื่อคืนเป็นระดับหัวหน้าทีม คุณไม่ใช่หัวหน้า แล้วคุณไปร่วมกับเขาทำไม" ผมขยายความ

"Oh, in our office we are encouraged to do this." เจ้าตัวอธิบาย "เราถูกบอกเสมอว่าเวลาหัวหน้ามีประชุม หากไม่ติดอะไรให้เข้าไปนั่งฟังด้วย นั่งฟังเฉยๆ ไม่ต้องออกความเห็น เมื่อคืนผมเดินกลับจากอาหารเย็น ว่างอยู่พอดีเลยเข้าไปจอยด้วย"

“ผมคิดว่ามันเป็นการเตรียมตัวอย่างหนึ่ง เหมือน Succession Plan เพราะเราไม่รู้ว่าวันที่องค์กรต้องการตัวเราจะเกิดขึ้นวันไหน อย่างเช่นวันนี้ จู่ๆ หัวหน้าของเราก็ถูกดึงตัวไป หากผมไม่ได้บังเอิญเข้าไปนั่งฟังประชุมเมื่อคืน เราคงไม่รู้ว่าภารกิจของเราคืออะไร และจะต้องทำอย่างไรบ้าง"

"การที่ผมไปนั่งเมื่อคืนทำให้เราสามารถเดินต่อได้โดยไม่สะดุด" ไอแซคสรุป

การถ่ายทอดพลังงานจากที่หนึ่งสู่ที่หนึ่ง จะมีปรากฏการณ์เล็กๆที่เรียกว่า Activation Barrier เป็นกำแพงที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อทดสอบความตั้งใจจริงของเรา

ตัวอย่างเช่น หากเราอยากจะจุดไฟ ต้องมีไม้ขีดเพื่อสร้างประกายแรกก่อน หากเราอยากจะให้รถไหลลงเขา ต้องออกแรกเข็นก่อนนิดหน่อย กระทั่งก่อนน้ำแข็งจะละลายเป็นน้ำ จะมีจุดหนึ่งซึ่งอุณหภูมิคงที่ไม่เปลี่ยน เพราะความร้อนที่

ซึมซับไปถูกดูดไปใช้ในการเคลียร์เจ้ากำแพงทางเคมีดังกล่าว

Leadership ก็เช่นกัน ผู้นำจะสร้างการเปลี่ยนแปลงใดก็ตาม จะต้องตะกายข้าม Activation Barrier นี้ก่อน
1. Be Ready จงเตรียมตัวเองให้พร้อม ‘เกินหน้าที่’ ไว้เสมอ

อย่างเช่นไอแซค เขาไปนั่งฟังประชุมของหัวหน้าทั้งที่จริงไม่ต้องทำก็ได้ คนเรียนส่วนมากเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ อาจนึกดีใจด้วยซ้ำที่เราไม่ได้เป็นหัวหน้าจึงไม่ต้องเสียเวลามาประชุม

หากไอแซคกลับใช้เป็นโอกาส เมื่อเหตุการณ์มาถึงในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาจึงก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแทนอย่างเต็มภาคภูมิ ลองพิจารณาว่าวันนี้คุณทำอะไร ‘เกินหน้าที่’ อยู่บ้าง

2. Catalytic Effect วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยการเคลียร์กำแพงนี้ได้คือหาตัวช่วย

Catalyst เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ช่วยลดกำแพงเพื่อให้พลังงานถ่ายเทได้ง่ายขึ้น เมื่อสมัยผมจะเข้าสู่วงการนี้ใหม่ๆ เข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับอาจารย์อภิวุฒิ หลังจากนั้นอาจารย์ก็กรุณาหาโน่นหานี่มาสนับสนุนให้ผมเติบโต กระทั่งคอลัมน์ที่คุณผู้อ่านๆ อยู่นี้ ก็เป็นดำริของแกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

ถ้าไม่มีอาจารย์อภิวุฒิ วันนี้ก็ไม่มีผม จงหมั่นมองหาว่าใครบ้างสามารถช่วยเป็น Catalyst ให้กับเส้นทางแห่งผู้นำของคุณ

3. Reframing Activation Barrier เป็นการเปลี่ยนมุมมองต่ออุปสรรคของเรา 

จากที่เคยคิดว่าทำไม อยากริเริ่มทำอะไรช่างยากจัง มีแต่คนติ มีแต่ขวากหนามเต็มไปหมด ลองมองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นขั้นตอนหนึ่งทางธรรมชาติที่ทุกสรรพสิ่งต้องก้าวผ่าน

หากมองอย่างนี้วิกฤติก็อาจกลายเป็นเพียงความท้าทาย กว่า Honda จะสร้างโรงงานผลิตรถได้ถูกระเบิดสมัยสงครามพังไปติดๆ กันสามสี่ครั้ง สัปดาห์แรกที่คุณสายชล พเยาน้อยเปิดเพิง บ้านใร่กาแฟ รถปิคอัพพุ่งเสียบเข้าไปในร้านจนพังยับ

หลายคนอาจคิดว่าฟ้าส่งสัญญาณมาเป็นลางบอกเหตุ แต่สำหรับผู้นำมันเป็นเพียง Activation Barrier ที่ธรรมชาติสร้างไว้พิสูจน์ความตั้งใจจริง

ผู้นำคือผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง Only those crazy enough to think they can change the world are the ones who do

ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องก้าวข้ามกำแพง ก่อนพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่จะถูกปลดปล่อยออกมา

Step 3: Get Over the Activation Barrier ครับ