ตกงานเพราะโซเชียลมีเดีย

ตกงานเพราะโซเชียลมีเดีย

หลายคนหมดเวลาไปกับโซเชียลมีเดียวันละหลายชั่วโมง ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลาทำงาน

 ทำให้มีการเปิดเผยตัวตนบนโซเชียลมีเดียมากเกินกว่าที่ควรจะกระทำ ซึ่งอาจเกิดจากการที่เราเสมือนอยู่เพียงตามลำพัง ในขณะที่ก้มหน้าก้มตาใช้เฟสบุค ใช้ไลน์ การแสดงออกจึงขาดการยับยั่งชั่งใจ ต่างจากการพบปะพูดคุยแบบเจอตัวตนจริง ๆ เห็นหน้าเห็นตา เห็นท่าทีของผู้ร่วมพูดคุย ย่อมเป็นธรรมดาที่อาจต้องปรับเปลี่ยนถ้อยคำ จากที่เดิมเคยคิดจะพูดออกมา เพราะเราเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ รวมทั้งท่าทางการแสดงออกที่อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีระหว่างกัน 

การพบเจอตัวตนจริงๆ จึงมาพร้อมกับกรอบของการกระทำ ที่ควร หรือไม่ควรกระทำ เมื่อเราอยู่หน้าจอคอม จอสมารท์โฟน จะไม่มีกลไกกำกับการแสดงออกบนโซเชียลมีเดีย ถ้อยคำที่ใช้ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆบนโซเชียลมีเดียจึงมีโอกาสที่จะเกินเลยไปสุดขั้ว เปิดเผยตัวตนมากกว่าที่ควรเปิดเผยในที่สาธารณะ ตอนเขียน รู้สึกสะใจ แต่ภายหลังกลับรู้สึกไม่ดี อยากให้ไม่ได้เขียนสิ่งนั้นสิ่งนี้ไว้ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเผยแพร่ทำได้ง่าย แต่แก้ไข หรือเอากลับคืนมาทำได้ยากมาก พฤติกรรมในการใช้งานโซเชียลมีเดียในวันนี้ อาจมีผลต่ออนาคตของเราในวันหน้า ไม่ควรให้เกินเลยจนกระทบบางสิ่งบางอย่างในชีวิต ในวันหน้า

ตัวอย่างที่ยืนยันว่าการกระทำบนโซเชียลมีเดีย มีผลต่ออนาคตของคนคนนั้นอย่างชัดเจน คือการตรวจดูพฤติกรรมบนโซเชียลมีเดียก่อนการพิจารณารับเข้าทำงาน วันนี้หลายหน่วยงานในบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว ขอดูเฟสบุค อินสตราแกรม และแอปคล้าย ๆไลน์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจว่าจะรับ หรือไม่รับเข้าทำงาน วันหน้าจะขอวีซ่าเข้าเมืองเขา อาจต้องยอมให้เขาตรวจดูการใช้งานโซเชียลมีเดีย ควบคู่ไปกับเอกสารหลักฐานต่าง ๆอีกด้วย ซึ่งงานวิจัยงานหนึ่งพบว่า การตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อพิจารณารับหรือไม่รับเข้าทำงานนั้น มีประเด็นสำคัญที่สุด คือ การใช้ถ้อยคำที่แสดงความก้าวร้าว หรือหยาบคาย ตามมาด้วยการกล่าวถึงการใช้สิ่งเสพติดและ การใช้ภาษาที่ไม่สื่อความ หรือไม่ถูกไวยากรณ์  

นายจ้างเกินกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้ บอกว่าอาจปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน หากพบพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง จากสามอย่างที่กล่าวมาแล้ว การแสดงออกบนโซเชียลมีเดียด้วยความคึกคะนอง ใช้ภาษาที่หยาบคาย เขียนผิดบ้างถูกบ้าง ด่าคนนั้นคนนี้อย่างเสียหาย แม้จะไม่มีกฏหมายห้ามไม่ให้ทำ แต่อาจหมายถึงหางานทำไม่ได้

นายจ้างราวหนึ่งในสามของกลุ่มตัวอย่าง บอกว่าจะปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน หากพบว่ามีภาพแสดงอาการมืนเมาในที่สาธารณะ เมาผิดที่ผิดทาง ผิดเวลา หรือมีการแชร์เรื่องต่าง ๆที่เป็นไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ ชอบแชร์เรื่องด่ากัน ทะเลาะกัน หรือเรื่องราวที่ส่อไปในทางที่ไม่ดี ดังนั้นถ้าอยากอวดอยากโชว์อะไรให้ตัวเองดูให้สะใจ ก็ให้ตระหนักไว้ก่อนว่า ภาพที่อยากโชว์ที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดียในวันนี้ อาจหมายถึงโอกาสตกงานในวันหน้า อยากแชร์อะไรที่ใครเขาด่ากัน อยากแชร์อะไรที่อินเทรน ก็ให้หยุดคิดก่อนแชร์สักนิดหนึ่งว่าวันหน้ามีโอกาสตกงาน เพราะสิ่งที่คิดจะแชร์ในวันนี้บ้างหรือไม่

การแสดงความเห็นทางการเมืองบนโซเชียลมีเดีย เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เรียกแขกได้ดี แต่อาจไม่ดีสำหรับการได้งานทำ แม้ว่าในทางทฤษฎีนั้น การเลือกปฏิบัติจากสาเหตุที่เห็นไม่ตรงกัน เชียร์กันคนละฝ่าย ไม่ควรจะกระทำ แต่มนุษย์ชอบแบ่งพรรคแบ่งพวก จึงหาเรื่องอื่นมายกเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธ ทั้ง ๆที่มาจากไม่ชอบคนที่ชอบการเมืองคนละฝ่าย ดังนั้นจะด่าจะเชียร์การเมืองบนโซเชียลมีเดีย ก็หยุดคิดสักนิดว่าที่ด่าอย่างสะใจในวันนี้ มีโอกาสที่จะตกงานเพราะคำด่าที่สะใจในวันนี้บ้างหรือไม่ การโพสรูปภาพไว้มาก ๆ ต้องระวังด้วยว่ารูปภาพเหล่านั้น สะท้อนบุคลิกภาพของตัวเราหรือไม่ ถ้าไปสมัครงานที่ต้องการการทุ่มเทเวลาให้กับการงานนั้น คงอดได้งานถ้าเฟสบุค อินสตราแกรมมีภาพท่องเที่ยวมากกว่าเรื่องอื่น ๆ

วันนี้ก่อนจะทำอะไรบนโซเชียลมีเดีย ให้ตระหนักไว้ก่อนว่าที่ทำวันนี้ อาจหมายถึงการได้การงานในวันหน้า