'อาวุธ' และการเมือง

'อาวุธ' และการเมือง

คดี “ลูกทัพฟ้า” ขนอาวุธที่ชายแดนด้าน จ.ตราด อาจไม่ใช่การค้าอาวุธสงคราม

 จากชายแดนบูรพาสู่ประจิมทิศเสียแล้ว เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลังมากกว่านั้น 

สืบเนื่อง “พ.อ.อ.ภคิน” เพราะเป็นลูกน้องของนายทหารยศ “พลตรี” คนดังย่านเมืองทหารในภาคกลาง

นานมาแล้ว พลตรี คนดังกล่าว เคยดำรงตำแหน่งในหน่วยที่เกี่ยวกับการบินของกองทัพบก จึงสนิทสนมคุ้นเคยกับกำลังพลของทหารอากาศ รวมทั้ง พ.อ.อ.ภคิน 

เมื่อรับตำแหน่ง “ผู้ว่าฯ สายทหาร” ในจังหวัดภาคกลาง จึงคาดว่า จะเป็นผู้ออก “บัตรประจำตัว กอ.รมน.” ให้แก่ พ.อ.อ.ภคิน 

นายทหารรายนี้ ยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับ อดีต ส.ส. สายขั้วอำนาจเก่าในภาคกลาง 

ไม่นานมานี้ นายพลคนดังลงสมัคร ส.ส.ในสังกัดพรรคขนาดกลาง นัยว่า เป็นรายการฝาก โดยอดีต ส.ส.รายนั้น

เรื่องราว “ค้าอาวุธอำพราง” ยังต้องใช้เวลาสืบค้นต่อ เพราะจะให้สาวถึง “พลตรี” คนนั้น คงไม่ง่าย เพราะพลิกดูปูมประวัติแล้ว เขามี “คอนเนกชั่น” ไม่ธรรมดา รวมถึงมีตำแหน่งเป็น “ที่ปรึกษา สนช.” ชุดปัจจุบัน

จะว่าไปแล้ว คนเสื้อแดง และแนวร่วมปัญญาชน มักจะไม่ยอมรับว่ามี “ฮาร์ดคอร์แดง” หรือ “กองกำลัง” แต่ในความเป็นจริง มีเรื่องของความรุนแรงนี้อยู่จริง

ทุกวันนี้ ในกัมพูชายังเป็นที่หลบซ่อนของฮาร์ดคอร์แดงจำนวนหนึ่ง แต่นโยบายของกัมพูชาเปลี่ยน ไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวได้เสรีเหมือนปี 2554

หัวหน้ากองกำลังคนหนึ่ง จึงหลบออกจากัมพูชา ไปรวมตัวกับ “โกตี๋” ที่ลาว เนื่องจากต้องการขยับเล่นเกมใต้ดิน แต่ทางกัมพูชาไม่อนุญาต

จึงไม่แปลกที่โกตี๋ กับหัวหน้ากองกำลัง จะคิดการใหญ่ แต่พลาดโดนบุกรังเสียก่อน 

แว่วว่า ระเบิด ร.พ.พระมงกุฎฯ มีกลิ่นของฮาร์ดคอร์แดงมาเกี่ยวข้องในบางระดับ 

ประเด็น “อาวุธ” ที่หลุดออกจากชายแดนล็อตนี้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับฮาร์ดคอร์แดงที่หลบซ่อนอยู่ในกัมพูชา

จะเป็นเรื่องส่วนตัวของ “นายพล” กับ “นักการเมือง” หรืออะไรที่มากไปกว่าการค้าอาวุธ ยังต้องค้นหาความจริง

คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า นับจากนี้ไป การเมืองไทยจะมีการเล่น เกมใต้ดินมากขึ้น