ความพยายามครั้งที่ 4 ของหุ้นจีน

ความพยายามครั้งที่ 4 ของหุ้นจีน

ความพยายามครั้งที่ 4 ของหุ้นจีน A-Share กับมาตรฐาน MSCI

ช่วงเวลานี้ในปีที่แล้ว MSCI ผู้จัดทำดัชนีหุ้นชื่อดัง ประกาศเลื่อนการนำหุ้นจีน A-Share เข้ารวมในการคำนวณดัชนี MSCI ที่เป็นมาตรฐานตลาดหุ้นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก นับเป็นการปฏิเสธครั้งที่ 3 โดย MSCI ให้เหตุผลว่าจีนต้องผ่อนคลายข้อจำกัดการเข้าถึงตลาดหุ้นของผู้ลงทุนรายย่อยต่างชาติ (market access) เช่น การจำกัดสิทธิการถือหุ้น การคุมเข้มการแลกเปลี่ยนเงินและการนำเงินกลับประเทศ (repatriation limit) รวมถึงปรับปรุงนโยบายควบคุมการซื้อขายกรณีหุ้นเจอแรงเทขายอย่างหนัก (circuit breaker) อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น A-Share ในวันนั้นกลับเพิ่มขึ้น เพราะตลาดตีความในทางบวกว่าจีนจะปรับโครงสร้างตลาดทุนให้ดีตามหลักสากลมากขึ้น

ผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี ประเด็นนี้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เพราะ MSCI จะประกาศการตัดสินใจประจำปี 2560 ในวันที่ 20 มิถุนายน นี้ คำถามสำคัญคือ "รัฐบาลจีนได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เพื่อแก้ไขข้อจำกัดที่ถูกระบุไว้คราวก่อน"

  • เดือนธันวาคม 2559 รัฐบาลจีนเริ่มการเชื่อมตลาดหุ้นเซินเจิ้น-ฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปการเงิน เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนต่างชาติที่ก่อนหน้านี้ซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง หรือ หุ้นจีน H-Share เท่านั้น เข้าซื้อหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดเซินเจิ้น หรือ หุ้นจีน A-Share ได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มการเข้าถึงหุ้นใหม่ๆ กว่า 1,480 บริษัท
  • สนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนขอระงับการซื้อขายหุ้น (voluntary trading suspensions) มากขึ้น เพื่อลด circuit breaker
  • อย่างไรก็ตาม การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินและการนำเงินลงทุนกลับประเทศ (repatriation limit) ยังคงอยู่

หากพิจารณาแล้ว ระดับการเข้าถึงตลาดทุนจีนนั้นเพิ่มสูงขึ้นก็จริง แต่ขณะเดียวกัน นโยบายควบคุมเงินทุนกลับตรงกันข้าม เช่น การกำหนดโควต้าให้ประชาชนนำเงินออกได้เพียง 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี และเงินที่นำออกไปนั้นห้ามใช้ลงทุนต่างประเทศ หรือการปรับเปลี่ยนมาตรวัดของตะกร้าเงินหยวนกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมทั้งกรณีล่าสุดเกี่ยวกับความโปร่งใสในการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงเงินหยวน

โดยสรุป หากหุ้นจีน A-Share เข้ารวมในการคำนวณดัชนี MSCI ได้จริง จะนับเป็นก้าวสำคัญของตลาดทุนจีนที่เข้าใกล้มาตรฐานสากลมากขึ้น อย่างไรก็ดี สัดส่วนของหุ้นจีน A-Share ที่ MSCI เสนอเข้ารวมในดัชนีหุ้นสำคัญๆ กลับลดลงอย่างมากจากปีที่แล้วที่อยู่ราวๆ 1.1% ของดัชนี MSCI Emerging Markets มาอยู่ที่ 0.5% เพราะ MSCI ตั้งเกณฑ์เพิ่มเติมในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยจำกัดให้เป็นหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สามารถซื้อขายผ่านการเชื่อมต่อระหว่างตลาดหุ้นเซินเจิ้น-ฮ่องกง และตลาดหุ้นเซียงไฮ้-ฮ่องกงเท่านั้น (ไม่รวมหุ้นจีนที่ซื้อขายในดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง) นอกจากนี้ จะต้องเป็นหุ้นที่ไม่เคยถูกสั่งพักซื้อขายมากกว่า 50 วันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จึงทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ถูกต้องตามเกณฑ์ลดลงจาก 448 บริษัทตามเกณฑ์ปีที่แล้ว เหลือเพียง 169 บริษัท นับเป็นการคัดกรองบริษัทที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้จริงมากขึ้น ดังนั้น ด้วยข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้น ตลาดและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าโอกาสที่หุ้นจีน A-Share จะเข้ารวมในการคำนวณดัชนี MSCI ในปีนี้สูงขึ้น แต่ท่านที่หวังจะเก็งกำไรก่อนการประกาศของ MSCI นั้นอาจจะผิดหวัง เพราะด้วยน้ำหนักในดัชนีที่ไม่มาก เงินทุนที่คาดว่าจะไหลเข้าก็จะจำกัด อย่างไรก็ดี บรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นจีนน่าจะสดใสขึ้น

ที่มา: KPB Research, MSCI