โลกร้อนขึ้นอีกหลายองศา เมื่อซาอุฯนำ 6 ประเทศเลิกคบกาตาร์

โลกร้อนขึ้นอีกหลายองศา เมื่อซาอุฯนำ 6 ประเทศเลิกคบกาตาร์

กาตาร์เป็นประเทศเล็กๆ ในอ่าวเปอร์เซีย มีประชากรเพียง 2 ล้านคน

มีพื้นที่เพียง 11,437 ตารางกิโลเมตรแต่ร่ำรวยด้วยน้ำมัน

กาตาร์เป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศสหรัฐใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง

กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2022

กาตาร์เป็นเจ้าของสำนักข่าวและสถานีทีวี Al Jazeera ที่กระจายภาพและเสียงไปทั่วโลก

และเป็นเจ้าของสายการบิน Qatar Airline ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง

ดังนั้นเมื่อมีคำประกาศจากอย่างน้อย 6 ประเทศตัดสัมพันธ์ทางการทูต และให้ขับนักการทูตกลับบ้านใน 48 ชั่วโมง จึงเป็นข่าวใหญ่ เพราะสะท้อนว่าเกิดรอยร้าวในประเทศอาหรับ ในตะวันออกกลางที่จะมีผลกว้างไกลต่อการเมืองระหว่างประเทศไม่น้อย

ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ บาห์เรน ยูเออี เยเมนและมัลดีฟส์ออกแถลงการณ์เกือบจะพร้อม ๆ กันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าที่ต้องประกาศ “เลิกคบ” อย่างฉับพลันทันด่วนเพราะมีความขัดแย้งที่คุกรุ่นมายาวนานพอสมควร

ประเทศเหล่านี้อ้างว่ากาตาร์สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อกลุ่มก่อการร้ายเช่น IS, al-Qaeda และ Muslim Brotherhood ที่มีแนวโน้มใช้ความรุนแรงและก่อเหตุร้ายไปทั่วโลก

รัฐบาลกาตาร์ตอบโต้ด้วยการบอกว่า คำกล่าวหาเหล่านั้นไม่มีมูลความจริง และกาตาร์ถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการก้าวก่ายในกิจการภายใน

ว่ากันว่ากรณีล่าสุดที่ทำให้ซาอุฯ ตัดสินใจตัดทั้งความสัมพันธ์ทางการทูต และการไปมาหาสู่ทางอากาศและทางน้ำนั้น ก็เพราะสำนักข่าวกาตาร์ออกข่าวอ้างว่า กษัตริย์ทามิมของประเทศนั้น ได้กล่าวปราศรัยในงานรับปริญญาของนักศึกษาทหารเมื่อ 23 พฤษภาคมวิพากษ์ซาอุฯ อย่างเสีย ๆ หาย ๆ

กาตาร์อ้างว่าเว็บไซต์ของสำนักข่าวของตนถูกแฮ็ก และข้อความที่ไม่มีมูลความจริงนั้นถูกเอาขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

แต่ซาอุฯไม่เชื่อ และอ้างว่ากาตาร์ได้สร้างปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง และเสถียรภาพของตะวันออกกลาง ด้วยการสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงติดอาวุธที่สนับสนุนโดยอิหร่าน

อิหร่านกับซาอุฯเป็นศัตรูคู่แค้นกันมายาวนาน ดังนั้น เมื่อกาตาร์แสดงความโอนเอียงไปอยู่ข้างอิหร่านเช่นนั้นก็ย่อมจะต้องเจอกับการต่อต้าน

ความไม่พอใจของซาอุฯและประเทศอื่น ๆ ในสภาความร่วมมือของประเทศในอ่าวเปอร์เซียที่เรียกว่า Gulf Cooperation Council (GCC) ที่สั่งสมมาระยะหนึ่งก็ระเบิดขึ้น จากการที่สื่อของกาตาร์ออกมาวิพากษ์ผู้นำของซาอุฯและยูเออีอย่างเปิดเผย

สมัยที่บารัก โอบามาเป็นผู้นำสหรัฐ แนวทางของวอชิงตันคือการคบหากับตะวันออกกลางผ่าน GCC แต่เมื่อทรัมป์ขึ้นมาเป็นใหญ่ ก็ปรับเปลี่ยนแนวทางหันมาสนิทแน่นแฟ้นเฉพาะกับซาอุฯ และยูเออีกับรัสเซีย และยืนคนละข้างกับอิหร่านอย่างชัดเจน

เมื่อกาตาร์ถูกมองว่าใกล้ชิดกับอิหร่าน ก็เป็นธรรมดาที่ทรัมป์จะมีความห่างเหินออกไป

แต่เมื่อกาตาร์เป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศใหญ่ของสหรัฐในตะวันออกกลาง อเมริกาจึงยังไม่ได้ออกมาพูดจาอะไร ที่กระทบกระทั่งประเทศนั้นจนเกิดเรื่องเกิดราว เมื่อซาอุฯนำทีมอีก 5 ประเทศตัดญาติขาดมิตรกับกาตาร์

ข่าวกรองบางสายบอกว่าเศรษฐีบางคนและรัฐบาลกาตาร์ ได้บริจาคเงินและอาวุธให้กับกลุ่มหัวรุนแรงในซีเรีย และยังถูกกล่าวหาว่ามีความโยงใยกับกลุ่มที่เคยถูกเรียกว่า Nusra Front ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลไกด้าอีกด้วย

ทรัมป์เยือนซาอุฯอย่างเป็นทางการเมืองสองสัปดาห์ก่อน ประกาศให้ประเทศในตะวันออกกลางนำร่องในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย

ทรัมป์ชี้นิ้วไปที่อิหร่านว่าเป็นที่มาของการสนับสนุนการก่อการร้ายสากล และประกาศยกเลิกข้อตกลงที่โอบามาทำกับรัฐบาลอิหร่าน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ประเทศนั้นจะเลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และเริ่มกระบวนการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล

อิสราเอลไม่พอใจอย่างยิ่งกับการที่โอบามาผูกไมตรีกับอิหร่าน ดังนั้นเมื่อทรัมป์ประกาศยกเลิกนโยบายของโอบามาในเรื่องนี้ ผู้นำยิวกับทรัมป์จึงจับมือกันเหนียวแน่น

ความขัดแย้งรอบนี้ในตะวันออกกลางจะมีผลกว้างไกลต่อไป ที่สำคัญคืออาจจะไปกระตุ้นกลุ่มก่อการร้ายให้เพิ่มกิจกรรมไปทั่วโลกได้

ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ากลุ่มประเทศอาหรับจะรวมหัวกัน “เลิกสังฆกรรม” กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างฮือฮาได้ขนาดนี้

นี่คือ “จุดเปราะบาง” จุดใหม่ของโลก...นอกจากเกาหลีเหนือ อิหร่านและซีเรีย!