ขัดแย้ง 'ผู้ใหญ่' ชนวนยึดรถหรู?

ขัดแย้ง 'ผู้ใหญ่' ชนวนยึดรถหรู?

การเข้าตรวจค้นและอายัดรถหรูกว่าร้อยคัน ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

 เป็นประเด็นร้อนตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งประเด็นความถูกต้องของ“ตัวรถ”ที่มีการนำเข้า เนื่องจากบางคันถูกระบุว่า อยู่ในบัญชีรถโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ และมีเป้าจับจ้องไปที่ลัมโบร์กินีสีเขียวหลายคัน

จนมีการอายัดแม้กระทั่งรถที่นำไปเข้าศูนย์รับบริการเพื่อบำรุงรักษาตามระยะ

ขณะที่บางคันพบเอกสารที่ส่อว่ามีการสำแดงราคาเป็นเท็จเพื่อหลบเลี่ยงภาษีนำเข้า

แต่ขณะเดียวกันท่ามกลางการจับจ้องไปที่บริษัทนำเข้ารถหรู ทั้งดีลเลอร์ และผู้นำเข้าอิสระที่รวมๆ กันแล้ว มีอยู่ประมาณ 300 ราย ก็เกิดกระแส“ตีกลับ”

เกิดเป็นคำถามว่าการนำเข้าเหล่านี้หากมีการ“ทำผิด”จริงแล้ว สามารถหลุดรอดสายตากรมศุลกากรไปได้อย่างไร จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

รวมทั้งปฏิบัติการของดีเอสไอ ที่เข้าตรวจค้นก็ถูกตั้งคำถามถึงอำนาจในการ“อายัด” และขั้นตอนในการดำเนินการ

เพราะตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการมีการแสดง“หมายค้น”ในวันแรกเพียงวันเดียวเท่านั้น 

อีกทั้งหากเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ช่องทางในการขอความร่วมมือน่าจะผ่านทางสำนักงานการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด อันเป็นช่องทางสากล รวมทั้งดีเอสไอก็น่าจะมีการชี้แจงแสดงหลักฐานประกอบการตรวจค้นและการอายัด

ด้วยความคลุมเครือดังกล่าวจึงเป็นที่มาการเปิดแถลงข่าวของ“บอย ยูนิตี้”เข้าของบริษัทเอสทีที ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้ารถหรูรายใหญ่ ที่ถูกปิดโชว์รูมไป 2 แห่ง

นอกจากจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ยังแสดงเอกสารประกอบปึกใหญ่ ระบุว่าในการอายัดไม่มีหนังสือแจ้งหรือชี้แจง มีแต่เพียงการนำเทปมาซีลทางเข้าโชว์รูม พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาจอดรถขวางประตูไว้เท่านั้น

ที่สำคัญเขาระบุว่าที่ไปที่มาของเรื่องทั้งหมดเกิดจากความขัดแย้ง กับผู้ใหญ่คนหนึ่งในกระทรวงยุติธรรม จากคดีเก่าที่เกี่ยวเนื่องกับรถหรู ซึ่งยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน

ครั้นถูกถามว่าใช่ผู้ใหญ่ระดับรองปลัดกระทรวง หรือไม่?

“บอย”ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ...บอกแต่เพียงว่า“จะเปิดเผยเมื่อถึงเวลา” !!!