อยู่กับภาวะก่อการร้ายอย่างไม่ตื่นตูม

อยู่กับภาวะก่อการร้ายอย่างไม่ตื่นตูม

คำว่า “ก่อการร้าย” เป็นคำที่สร้างความหวาดวิตกในส่วนลึกให้กับผู้คน เพราะถึงแม้เหตุจะไม่เกิดขึ้นกับตนเองในตอนนี้

 แต่มันสร้างความน่าสะพรึงกลัวไว้ก่อนแล้ว ในบางสังคม เรื่องนี้ติดอยู่ในสำนึกไปตลอด ไม่ว่าเดินอยู่กลางใจเมืองดามัสกัส คาบูล หรือปัตตานี ใจก็อดคิดไว้ก่อนว่าอาจมีเหตุก่อการร้ายด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเกิดขึ้น แล้วตนเองอาจได้รับผลกระทบ

แม้จะเผชิญเหตุการณ์รุนแรงมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็เป็นเรื่องการก่อการร้าย เช่น กรณีระเบิดพระพรหมปีก่อน แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา คนกรุงเทพเจอระเบิดในจุดที่ไม่มีใครฝันมาก่อน คือหน้าห้องจ่ายยา รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นซีรีย์ระเบิดที่ยังหาตัวผู้บงการไม่ได้ กอปรกับ มีเหตุทำลายล้างในคอนเสิร์ทนักร้องดังที่ Manchester เมืองรองของอังกฤษที่น่าจะห่างไกลจากการเป็นเป้าแนวระเบิดฆ่าตัวตายมากกว่าลอนดอน ขณะที่ในประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเองก็มีปรากฏการณ์ก่อการร้ายระดับโลก 2 เหตุซ้อน

จู่ ๆ เมื่อบ่าย 23 พฤษภาคม กลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่น Maute ที่สวามิภักดิ์กับกลุ่มก่อการร้ายระดับโลก IS ก็บุกยึดสถานที่สำคัญหลายจุด โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับทางการและชาวคริสต์ของเมือง Marawi บนเกาะมินดาเนา จับตัวประกัน ฆ่าพลเมือง รบกับทหารกลางเมือง และแทรกประจำตามบ้านเรือน ส่งผลให้ทหารฟิลิปปินส์ต้องเติมกำลังเข้าพื้นที่ สู้กันอย่างหนักหน่วงและอพยพผู้คนจำนวนมากออกจากเมืองใหญ่ขนาดประชากร 2 แสนคนนี้ เหตุการณ์นี้นับศพผู้ก่อการร้ายข้ามชาติได้เยอะ และเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงอ้างศาสนาบังหน้านั้นแต่ละกลุ่มเกี่ยวกันหมด ถัดมาอีกวันนึง ที่ท่ารถบัสกลางกรุงจาการ์ต้า มือระเบิดนิยม IS สองรายก็ชิงกดระเบิดฆ่าตัวตายพร้อมกับตำรวจ นาย นี่ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าผู้ที่เคยไปรบให้กลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลาง เริ่มกลับมาก่อเหตุในบ้านเกิดตนเองแล้ว

แม้จะมีการพยายามอธิบายว่าการก่อเหตุในกรุงเทพไม่ใช่ฝีมือพวก “คลั่งเป็นอาชีพ” เป็นแค่การก่อกวนทางการเมือง ซึ่งคงมีอีกเป็นระยะๆ แต่ระเบิดนั้นไม่มีคา และความตะหนกอาจพาไปสู่สิ่งที่ร้ายแรงกว่า ตั้งแต่การแตกตื่นไปจนถึงการตัดสินใจผิด ๆ ดังนั้นการรู้ทันภาวะก่อการร้ายจึงจำเป็นในหมู่คนไทยทั่วไป

แรกเลยคือต้องทำใจไว้ก่อนว่าการก่อการร้ายที่มีผู้สูญเสียจำนวนมากนั้นเป็นภัยคุกคามรูปแบบหนึ่งที่โลกสมัยใหม่ต้องเจอ ไม่มีทางป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ต่อให้มีหน่วยข่าวกรองที่แม่นยำหรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ฉกาจฉกรรจ์เพียงไร ไทยเป็นประเทศเปิดที่อิงกับเทรนด์ต่าง ๆ ของโลกมาเป็นเวลานานแล้ว ยิ่งใกล้ชิดกับชาติตะวันตก ซึ่งเป็นศัตรูในทางทฤษฏีกับกลุ่มก่อการร้ายหลายกลุ่ม ทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางคมนาคมที่คนผ่านเข้าออกมากมายในแต่ละวัน เรื่องแบบนี้จะรอดไปได้นานอย่างไร คำถามไม่ใช่ว่าจะเกิดเหตุระเบิดอีกไหมแต่จะเป็นว่าเมื่อไร

เมื่อทำใจได้แล้วก็ต้องอย่าหวาดระแวง เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่พอประมาณว่าเขาจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดอยู่แล้ว งานอาจยากลำบากหรือถึงขั้นไม่ประสบผลสำเร็จในการจับคนร้ายก็ขอให้มองในแง่บวกว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐนั้นมีดีเพียงพอสามารถป้องกันเหตุร้ายมาหลายครั้งแล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เราทราบ และเหตุการณ์ร้ายไม่น่าจะเกิดได้ทุกวันจนพัฒนาเป็นมิคสัญญีเหมือนบางชาติเพราะประเทศของเรามีความเข้มแข็งพอควรในเวทีโลก มีความก้าวหน้าในความร่วมมือกับนานาชาติด้านต่อต้านการก่อการร้าย ส่วนผู้ก่อการร้ายก็มิใช่เหนือมนุษย์มาจากไหน

แม้ว่าจะมีความน่าจะเป็นในหลายทฤษฎีว่าใครก่อเหตุ แต่จงอย่าเชื่อเรื่องเหลวไหลของนักเขียนอุปโลกน์ที่เห็น CIA หรือคนมีชื่อเสียงบางคน เป็นเทพที่ดวงอาทิตย์หมุนรอบหรือดลบันดาลอะไรได้ทุกสรรพ เพราะทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ไม่ใช่ความคิดนอกกรอบ แต่เป็นความคิดเพ้อเจ้อที่จำกัดปัญญาที่เรามุ่งเชื่อแต่ธงที่ตั้งไว้ และก็อย่าไปนับถือพวกหากินกับการพยากรณ์ที่ผิดสักสิบครั้งแต่บังเอิญถูกตรงงวดเข้าครั้งนี้ให้มาเป็นเจ้าความคิด กลืนกินสติปัญญาเราหรือทำให้เราตาขวางเห็นคนคิดต่างเป็นศัตรู เพราะนั่นไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ยิ่งเพิ่มทั้งความเกลียดชังและความหวาดกลัวจนยากจะใช้ชีวิตปกติ จงรู้ทันว่าพวกเหล่านี้หวังผลประโยชน์ฝ่ายตนทั้งสิ้น อาจจะเป็นความท้องการทำลายศัตรูทางการเมืองหรือหวังทรัพย์สิน

การปรับการรับรู้ให้เข้ากับข้อเท็จจริงของโลกปัจจุบันจะนำไปสู่ความเปิดกว้าง บางทีอาจมองนอกกรอบได้ เช่นเข้าใจว่าผู้ก่อการร้ายยุคใหม่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นองค์กรตายตัว มีร่อยรอยเชื่อมโยงและปฏิบัติการอย่างมีเหตุผลอีกต่อไป เผื่อใจว่าในยุคปัจจุบันผู้ก่อการร้ายอิสระที่มีแนวคิดไม่เหมือนใคร ไม่ยึดติดกับกลุ่มใดนอกจากอุดมการณ์ที่คล้ายคลึงกันในบางมิตินั้นเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีประวัติอาชญากรรมหรือฝึกฝนจากค่ายกลางป่าของมืออาชีพ แต่อาจเป็นคนธรรมดาที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือสุงสิงตามร้านกาแฟแต่อบร่ำความรู้สึกถูกสังคมกดขี่ไว้เต็มรัก แค่นี้พวกเขาก็กล้ารวมตัวกันก่อเหตุหรือปฏิบัติการเดี่ยวได้ ถ้าถูกจับหรือทำลายไปก็ไม่กระทบต่อเครือข่ายก่อการร้ายสากลใด เป็นต้น

ท้ายสุดคือเมื่อเกิดเหตุจริง คุมสติให้มั่น อย่าตระหนก พร้อมร่วมมือกับทางการในทุกเรื่อง รวมทั้งปลอบใจคนอื่นด้วย