ธุรกิจรูปแบบใหม่ ให้หมดทั้งกำไร

ธุรกิจรูปแบบใหม่ ให้หมดทั้งกำไร

ในกระแสที่องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการทำความดีเพื่อสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปของ CSR หรือ CSV

 (Creating Shared Value) รวมทั้งแนวโน้มของคนรุ่นใหม่ ที่จะให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่มาจากองค์กรที่ทำดี ก็ได้มีรูปแบบขององค์กรธุรกิจชนิดใหม่เกิดขึ้น นั้นคือเป็นองค์กรธุรกิจที่เมื่อมีกำไรจากการดำเนินงานแล้ว (หลังจ่ายค่าใช้จ่ายทุกๆประการ) แทนที่จะเก็บกำไรไว้กับองค์กร ก็จะบริจาคกำไรทั้งหมดเพื่อการกุศลหรือนำไปทำความดีเพื่อสังคม

แนวคิดของการบริจาคกำไรทั้งหมดเพื่อการกุศลหรือสังคม จะเจอให้องค์กรหลายๆ แห่งในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวคิดแบบเดิม ที่องค์กรธุรกิจจะมุ่งแสวงหารายได้ เก็บสะสมกำไรไว้ให้เยอะและเพียงพอก่อน และเมื่อมีทุนและกำไรที่เพียงพอในระดับหนึ่งก็ค่อยนำส่วนเกินที่มีอยู่ไปบริจาคหรือทำความดีเพื่อสังคม

Fetch Eyewear บริษัทที่ผลิตและขายแว่นตา ประกาศไว้อย่างชัดเจนเลยว่าจะบริจาคทั้ง 100% ของกำไรทั้งหมดให้กับองค์กรที่ช่วยดูแลสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งเจ้าของ Fetch นั้นเป็นผู้ที่รักสัตว์และทุ่มเทชีวิตให้กับการดูแลสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง และล่าสุดก็ตั้งมูลนิธิ Pixie เพื่อดูแลสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งโดยเฉพาะ

Ex Novo เป็นร้านกลั่นเบียร์และขายอาหารที่ประกาศไว้ว่า การดื่มเบียร์นั้นสามารถทำความดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน (Drink Beer. Do Good) นอกจากนี้ยังประกาศอีกว่าเป็นโรงกลั่นเบียร์แห่งแรกของสหรัฐที่ไม่แสวงหากำไร (The nation’s first nonprofit brewery) โรงเบียร์แห่งนี้เขียนพันธกิจไว้ว่าจะบริจาคกำไรสุทธิทั้งหมด ให้กับองค์กรที่มีส่วนที่ทำให้โลกนี้ดีขึ้น

Finnegans เป็นบริษัทเบียร์อีกแห่งที่มีพันธกิจที่น่าสนใจคือ เปลี่ยนเบียร์ให้เป็นอาหาร หรือ Turning beer into food โดยกำไรจากการขายเบียร์ทั้ง 100% จะถูกนำไปมอบให้กับองค์กรสาธารณกุศลที่จัดหาอาหารให้กับผู้ยากไร้

Impact Makers ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการจัดการ ก็มาในรูปแบบเดียวกัน นั้นคือนอกเหนือจากจะบริจาคกำไรให้กับชุมชนและองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ยังให้คำปรึกษาแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายให้กับบรรดาองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ด้วย

จริงๆ องค์กรที่เป็นจุดเริ่มต้นหรือผู้จุดประกาย การบริจาคกำไรทั้งหมดเพื่อสังคมหรือเพื่อสาธารณกุศลนั้นคือ Newman’s Own ที่ผลิตและขายน้ำสลัดสูตรต้นตำรับจากดาราชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้ว Paul Newman ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากน้ำสลัดของ Paul Newman นั้นขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย และเมื่อเริ่มได้รับความนิยมและจะทำออกมาขาย โดยมีหน้าของ Paul Newman อยู่บนฉลากนั้น Paul Newman มีเงื่อนไขอยู่ข้อเดียวนั้นคือกำไรทั้งหมดจะต้องมอบให้กับองค์กรสาธารณกุศล ซึ่งปัจจุบันแม้ Paul Newman จะเสียชีวิตไปแล้ว Newman’s Own ก็ยังยึดนโยบายนี้อยู่

รูปแบบของบริษัทที่บริจาคกำไรทั้งหมดให้กับสังคมและผู้อื่นนั้น เริ่มจะได้รับการจับตาและมีกระแสที่เขียนถึงตามสื่อต่างๆ มากขึ้น และถ้ามองในอีกมุมองค์กรเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนองค์กรที่ไม่ได้แสวงหากำไรหรือ Social Enterprise ต่างๆ แต่องค์กรเหล่านี้ มีวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนในการทำธุรกิจและทำกำไร เพียงแต่เมื่อมีกำไรแล้วก็บริจาคให้กับผู้อื่นแทนที่จะเก็บไว้

ความท้าทายขององค์กรประเภทนี้อยู่ที่กฎระเบียบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของภาษี ที่ต่อให้นำกำไรไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลใดๆ แต่กำไรจากการดำเนินงาน ก็จะต้องถูกนำมาคิดเป็นภาษีธุรกิจ และมีข้อสงสัยได้ว่าสำหรับบริษัทเหล่านี้ “กำไร” คือแค่ไหน? รวมที่สำรองไว้สำหรับการขยายกิจการหรือยัง? รวมที่จะต้องจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นหรือยัง? แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง Business model ที่น่าสนใจสำหรับอนาคตอันใกล้