ประเมินขีปนาวุธโสมแดงล่าสุด : อย่าทำเป็นเล่นไป!

ประเมินขีปนาวุธโสมแดงล่าสุด : อย่าทำเป็นเล่นไป!

ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด... นักวิเคราะห์ทางทหารบอกว่า การทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ครั้งล่าสุดยืนยันว่า

โสมแดงสามารถพัฒนาอาวุธร้ายแรงได้ไปอีกหลายขุม

เข้าใกล้เป้าหมายของการสร้าง “ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป” หรือ Intercontinental Ballistic Missile (ICBM) ไปทุกที

ผู้เชี่ยวชาญด้านทหารบอกว่าการทดลองครั้งหลังนี้ ตอกย้ำว่าเกาหลีเหนือสามารถยกมาตรฐาน การทำงานของเครื่องยนต์ของขีปนาวุธได้อย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งเทคโนโลยีในการควบคุม re-entry หรือการย้อนกลับสู่ชั้นบรรยากาศโลก ของวิถีของขีปนาวุธนั้นได้ยกระดับขึ้นมาอีกเช่นกัน

แปลว่าขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออาจสามารถยิงได้ไกลถึง 8,000 กิโลเมตรหรือไกลกว่านั้นแล้ว

ทั้งสองมิติของการพัฒนาเป็นกุญแจสำคัญ ในการมุ่งสู่เป้าหมายของความสามารถ ในการยิงหัวรบนิวเคลียร์ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกากลัวมาตลอด

สำนักข่าว KCNA ของโสมแดงบอกว่าขีปนาวุธที่ทดลองเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมาชื่อ Hwasong-12 นั้นถูกส่งไปที่จุดสูงสุดเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเสียหายให้กับประเทศใกล้เคียง

ยิงไกล 787 กิโลเมตรด้วยวิถีโค้งสูงถึง 2,111.5 กิโลเมตร

ผู้รู้เรื่องดีบอกว่าถ้าหากยิงขีปนาวุธชุดนี้ด้วยวิถีโค้งต่ำกว่านี้ จะวิ่งไปได้ไกลถึงอย่างน้อย 4,000 กิโลเมตร

ผู้เชี่ยวชาญมะกันยอมรับว่าการทดสอบครั้งนี้แสดงถึงศักยภาพของเกาหลีเหนือ “ในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”

เกือบจะไม่ต้องสงสัยว่าโสมแดงสามารถจะพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลางที่เรียกว่า Intermediate-range Ballistic Missile (IRBM) ที่สามารถยิงใส่เป้าของสหรัฐ เช่นฐานทัพเรือบนเกาะกวมในแปซิฟิกแล้ว

ที่ต้องจับตาต่อไปคือขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ ที่วิ่งได้ไกลถึงรัฐแคลิฟอร์เนียของแผ่นดินใหญ่สหรัฐ!

นั่นก็แปลว่าที่เปียงยางออกแถลงการณ์ประกาศว่า พร้อมจะต่อสู้กับสหรัฐด้วยอาวุธนิวเคลียร์นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงการขู่เพื่อต่อรองแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นเรื่องที่สหรัฐและชาติอื่น ๆ ต้องตั้งหลักเพื่อสกัดกั้นกันขนานใหญ่

ถึงวันนี้คิมจองอึนยังยืนยันว่าเกาหลีเหนือ จะต้องพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองต่อไป แม้ว่าสหประชาชาติจะมีมติลงโทษด้วยการคว่ำบาตรหลายรอบ เพราะเปียงยางเชื่อว่าหากตนไม่มีอาวุธทำลายล้างสูง ก็จะถูกสหรัฐและพันธมิตรเข้ายึดครอง และโค่นล้มระบบทั้งหมดอย่างที่เกิดกับอิรักและลิเบียมาแล้ว

วันก่อน รัฐมนตรีกลาโหมจิม แมททิสของสหรัฐบอกว่าหากสหรัฐเปิดศึกกับเกาหลีเหนือ โลกจะต้องเผชิญกับ “หายนะที่รุนแรงเกินกว่าที่จะประเมินได้”

ดังนั้น วอชิงตันจึงยังพยายามที่จะหาทางแก้ปัญหาความตึงเครียด ในคาบสมุทรเกาหลีทุกวันนี้ด้วยวิถีทางการทูตและการเมือง

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ยังยืนยันว่าเกาหลีเหนือต้องยุติการทดลองขีปนาวุธก่อน วอชิงตันจึงจะพร้อมเจรจา

แต่เกาหลีเหนือยังยืนกระต่ายขาเดียวว่า ตราบที่สหรัฐยังดำเนินนโยบาย “มุ่งหน้าทำลายเรา” ก็อย่าได้หวังว่าเปียงยางจะยอมกลับไปสู่โต๊ะเจรจา

ถึงวันนี้ จีนก็ยังไม่อาจจะหว่านล้อมให้เกาหลีเหนือ ยอมยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และแม้รัสเซียจะแสดงท่าทีเห็นใจเปียงยาง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามอสโกจะมีความสามารถมากกว่าจีน ในการเกลี้ยกล่อมโสมแดงให้กลับสู่โต๊ะเจรจา

แต่เมื่อฝีมือในการพัฒนาอาวุธร้ายแรงของเกาหลีเหนือ ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางตะวันตกอย่างนี้แล้ว

หากยังไม่เห็นแสงสว่างทางปลายถ้ำในการฟื้นการเจรจา ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามก็ยังไม่หายไปไหน