ทำไมทรัมป์บอกว่านี่คือ Witch Hunt :

ทำไมทรัมป์บอกว่านี่คือ Witch Hunt :

การไล่ล่าแม่มดครั้งประวัติศาสตร์?

ท่านผู้อ่านบางคนถามมาว่าที่โดนัลด์ ทรัมป์บอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อของ “the greatest witch hunt in US history” นั้น เขาต้องการจะสื่อความหมายอย่างไร?

ผมไม่แน่ใจว่าทรัมป์เองเข้าใจที่มาที่ไปของคำว่า witch hunt แค่ไหน แต่ที่เขาต้องการจะบอกกล่าวกับคนที่สนับสนุนเขาก็คงจะเป็นทำนองว่า

พวกนี้มันกลั่นแกล้งผมสุด ๆ... เห็นไหมผมเป็นคนดีแค่ไหน พวกนี้ยังจะหาทางกำจัดผม...”

ที่ทรัมป์บอกว่าเป็นการ “ไล่ล่าแม่มดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ” นั้นก็คงจะเป็นการใช้คำที่ “เว่อร์” ตามสไตล์ของเขาอยู่แล้ว เพราะศัพท์ที่ทรัมป์ใช้อยู่มีไม่กี่คำ ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงระดับความคิดอ่านของเด็กมัธยมต้น (ตามการวิเคราะห์ของนักจิตวิทยาบางสำนัก)

เพราะเขามักใช้คำลอย ๆ ที่ไม่มีความหมายชัดเจนเช่น great, fantastic, wonderful เป็นต้น

อะไร ๆ ของเขาก็ “ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสถิติอะไรมายืนยันหรือรองรับเลย

ความหมายของ witch hunt มีมายาวนาน ตอนหลังใช้ในภาษาการเมืองเพื่อบ่งบอกถึงความพยายาม จะเปิดโปงความชั่วร้ายของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ลดละ มีความหมายในทางที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมนัก

วิกีพีเดียภาษาไทยอธิบายคำว่า witch hunt ว่า

การล่าแม่มด” คือการแสวงหาบุคคลซึ่งถูกตราหน้าเป็น “แม่มด” หรือหลักฐานแม่มด มักเกี่ยวข้องกับความแตกตื่นทางศีลธรรมหรืออุปาทานหมู่

ก่อนหน้า ค.ศ. 1750 กฎหมายให้ความเห็นชอบการล่าแม่มดอย่างเป็นทางการ เป็นการลงโทษคนที่อ้างเวทมนตร์คาถามาหลอกลวงชาวบ้าน

การล่าแม่มดในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนืออยู่ในสมัยตอนต้นหรือราว ค.ศ. 1480 ถึง 1750 สืบทอดตั้งแต่กลียุคแห่งการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ถึงสงครามสามสิบปี

มีการสังหารคนเพราะการ “ไล่ล่าแม่มด” ถึง 40,000 ถึง 60,000 คน

มีการประหารชีวิตผู้ต้องโทษแม่มดในทวีปยุโรป ครั้งสุดท้ายในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในราชอาณาจักรบริเตนใหญ่

นับแต่ราวคริสต์ทศวรรษ 1930 คำว่า “การล่าแม่มด” ถูกใช้เป็นกิจกรรมของรัฐบาลหรือบางครั้งก็เป็นธุรกิจเพื่อตามหาและเปิดโปงศัตรู โดยอ้างเหตุผลทางศีลธรรม แต่เป้าหมายซ่อนเร้นคือการกลั่นแกล้งทางการเมืองและธุรกิจนั่นเอง

ในกรณีของทรัมป์ แม้เจ้าตัวจะมองว่าเป็นการ “ตามไล่ล่า” เขาอย่างไม่ยุติธรรม แต่คนที่กำลังตรวจสอบทรัมป์อยู่ก็ยืนยันว่านี่ไม่ใช่เป็นการ “ไล่ล่า” เพราะมีอคติหรือเจตนาทำลายล้าง แต่เป็นเพราะทรัมป์เองพยายามจะใช้อำนาจในฐานะประธานาธิบดีปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และไม่ยอมนำเอาความจริงมาพูดกันอย่างเปิดเผย

ตรงกันข้าม ทรัมป์ต่างหากที่ถูกมองว่ากำลัง “ตามไล่ล่า” คนทำสื่อและนักการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์เขา เพราะสงสัยว่าเขาพยายามจะปิดบังซ่อนเร้น การกระทำที่ละเมิดกฎหมายและจริยธรรมอย่างมากมายหลายด้าน

การที่เขาไล่ออกสายฟ้าแลบผู้อำนวยการ FBI เพราะเขาไม่ยอมระงับการสอบสวนคนรอบข้างประธานาธิบดี ที่ไปโยงใยกับรัสเซียที่ถูกกล่าวหา ว่าเข้ามาแทรกแซงกิจกรรมภายในของสหรัฐ เป็นการสะท้อนถึงการไม่เคารพในกติกาแห่งการถ่วงดุลอำนาจระหว่างทำเนียบขาวกับองค์กรอิสระอย่างชัดเจน

เสียงโวยเรื่อง witch hunt ของทรัมป์จึงเป็นเพียงการตีวัวกระทบคราด เพื่อจะให้ตัวเองหลุดจากการถูกตรวจสอบเท่านั้น

ทรัมป์ไม่อาจใช้เวทมนตร์คาถาในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง มาเป่าใส่ใครให้หายวับไปกับตาอย่างที่ตัวเองต้องการแน่นอน