ว่าด้วย 'เศรษฐีกำมะลอ' 'รถหรูและฟิมล์ดำ'

ว่าด้วย 'เศรษฐีกำมะลอ' 'รถหรูและฟิมล์ดำ'

สังคมประเทศไทยเรามีเรื่องต้องหยิบยก มาพูดแล้วพูดอีกเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำ เพราะมีคนกล่าวหาว่าคนไทยเป็นคนลืมง่ายบ้าง

 เป็นสังคมโอนอ่อนผ่อนตาม ชอบประนีประนอม ฟังดูดีครับอันหลังนี้ เพราะน่าจะทำให้กลไกอยู่กันแบบปรองดองทำได้ไม่ยาก เป็นสังคมที่น่าจะไม่เครียด แต่ปรากฏการณ์ทางสังคมในช่วงที่ผ่านมาหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ สถิติตัวเลขการฆ่าตัวตายเพราะความเครียด ความซึมเศร้ามีปริมาณที่สูงมากในแต่ละปี แม้จะมีคนชื่นชมว่าคนไทยยิ้มง่าย โอบอ้อมอารี แต่หลายอย่างเป็นเหมือนลูกกวาดที่มีสีสรรต่างๆ ฉาบเคลือบ “น้ำตาล” ที่เป็นสารพิษไว้อยู่หน้าฉาก

เช่นเดียวกับปัญหา “จมไม่ลง” ของคนจำนวนมาก เคยได้รับข้อมูลการฟ้องยึดเอาทรัพย์สิน ในคดีผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ของรถหรูจำนวนมาก โดยสมัครพรรคพวกที่เป็นตุลาการในศาลที่เกี่ยวข้อง มีตัวเลขน่าประหวั่นพรั่นพรึงว่า บางคนเงินเดือนสองสามหมื่น แต่คิดการณ์ใหญ่ผ่อนรถเดือนละเกือบแสนบาท ไม่รู้มีความมั่นอกมั่นใจอะไรหรือคิดว่าตัวเองสายป่านยาว มีช่องทางหาเงินได้หลายทาง จับแพะชนแกะได้ เอาเงินบัตรเครดิตโปะไปมา หรือเอาเงินในอนาคตมาใช้ ทำให้คดีที่ไปถึงมือของศาล และจะต้องยึดหรือพิทักษ์ทรัพย์อย่างรถหรูราคาแพง ที่ผู้ซื้อไปจัดซื้อจัดหาแต่ไม่สามารถส่งค่างวดให้บริษัทเจ้าของรถมีเป็นจำนวนมาก

วันนี้ ดีเอสไอ ทำหน้าที่ได้น่าชื่นชมที่ไปเปิดโปงขบวนการนำเข้ารถยนต์หรู รถยนต์จดประกอบ (นำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเป็นรถยนต์แล้วไปจดทะเบียนใหม่) ที่มีกระบวนการนำเข้าและเสียภาษีอย่างไม่ถูกต้อง ข่าวว่าทำให้ประเทศต้องเสียรายได้ไปนับหลายพันล้านบาท ข่าวทำนองนี้ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อข่าวทำนองนี้เผยแพร่มา เราจะเห็นรถหรู รถจดประกอบที่วิ่งตามถนน หรือที่ชอบอวดความร่ำรวยของบรรดาเศรษฐีกำมะลอ รวมทั้งนักค้ายาเสพติดทำสิ่งผิดกฎหมายบางกลุ่มเหมือนที่เป็นข่าวใหญ่ ได้หายไปจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่มีแนวคิดในการเรียกคนเข้าห้างแบบพิศดาร มีการจัดที่พิเศษเป็นการเฉพาะให้กับเจ้าของรถหรูหรือรถยนต์ราคาแพง เรียกภาษาชาวบ้านแบบไม่ต้องเข้าใจยาก เหมือน “คนจำพวกที่ชอบหรือเลือกคบคนที่ฐานะ ไม่สนใจเบื้องหลังการได้มาของทรัพย์สมบัติว่ามาด้วยวิธีใด” 

นับเป็นแนวคิดที่ “น่าดูถูกเอามากมาก” (ใครที่ขับรถญี่ปุ่นหรือรถทั่วๆ ไป น่าจะลองประท้วงไม่เดินไม่ช้อปห้างที่เลือกปฎิบัติเหล่านี้ดูบ้าง จะได้รู้ว่ากำลังซื้อของคนทั่วๆ ไปนั้นเป็นเช่นใด) แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เพราะบรรดา “นักฟอกเงิน” ซึ่งได้ทรัพย์สินเงินทองมาด้วยวิธีการไม่ถูกต้อง ก็ม้กใช้พาหนะเหล่านี้เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือสำคัญในการฟอกขาวความเลวของเขา ให้เป็นคนดูดี ได้รับการยอมรับนับถือ และเชื่อว่าจะได้รับความอะลุ้มอล่วยจากเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย “ เพราะจิตสำนึกคนในสังคมเราจำนวนมาก ยังคงคิดอะไรแบบมักง่ายเหมือน ห้างดัง ห้างหรู อย่างที่ว่า” 

วันนี้เราร่างรัฐธรรมนูญมุ่งหมายให้สังคมเปลี่ยน แต่สังคมกับคนไทยยังไม่คิดเปลี่ยนและยิ่งเปลี่ยนได้ยาก เมื่อเห็นแนวคิด วิธีการทำธุรกิจของห้างสรรพสินค้าก็ดี โรงแรม สถานที่หย่อนใจหลายแห่งที่ใช้วิธีการเรียกคนมาใช้บริการด้วยภูมิปัญญาอย่างที่เห็น ถึงจะเป็นยุคแห่งการปฎิรูปแต่เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายทุกหน่วยยังคงย่อหย่อน และอาจมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องผิดกฎหมายทำให้ รถหรูราคาแพง แต่คนขับไม่รวยจริงและหลายคนเป็นอาชญากรยังสามารถเฉิดฉายอยู่ในสังคมนี้ได้ไม่ยาก

ล่าสุดมาเจอข่าว ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตำรวจชั้นต้นๆ ยศร้อยตำรวจเอก ขับรถหรูติดฟิมล์ทึบแสง เติมน้ำมันแล้วไม่จ่ายตังค์อ้างว่ารถคันหลังจะตามมาจ่ายให้ มีข่าวว่าเป็น “ความเข้าใจผิด” แต่ภาพลักษณ์ของตำรวจทั้งกรมกองก็ต้องเน่าเหม็นไปก่อนแล้ว เพราะต้นทุนของตำรวจนั้นแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของตำรวจในบางยุคยังยอมรับเองว่า “ต้นทุนต่ำมาก” เพราะพฤติกรรมและสิ่งที่สังคมรับรู้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันทำดีอย่างถึงที่สุด แต่ถ้ามีอะไรไม่ดีไม่งามปรากฎให้เห็น คนทั่วไปจะก่นด่าประณามได้โดยไม่ต้องสืบสวนทวนความเลย สงสารก็สงสารเห็นใจก็ใช่ เรื่องนี้ปล่อยให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้สุดทาง 

แต่สังคมตั้งข้อสงสัยอยู่ดีว่าเงินเดือนตำรวจยศต้นๆ มีแหล่งรายได้อะไรบ้างหรือมีมรดกตกทอดอย่างไรจึงมีรถราคาหลักล้านได้ ถ้าตอบสังคมได้ว่าร่ำรวยมาแต่นานนม มีผู้ให้การอุปถัมภ์ค้ำชู กำลังผ่อนด้วยน้ำพักน้ำแรง หรืออาจอาสาขับรถให้คนอื่นไม่ใช่รถของเจ้าตัว ถ้าชี้แจงได้ชัดเจน สังคมก็คงไม่มีข้อสงสัยคลางแคลงใจใดๆ แต่เรื่องนี้มีกรณีฟิมล์ทึบแสงให้เห็นในภาพข่าว ถือว่าโชคดีผู้ถูกกล่าวหาใส่เครื่องแบบเดินออกมาจากรถจึงได้ทราบรูปพรรณสัณฐาน ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าใคร เรื่องคดีความการสืบสวนต่อจากนี้คงให้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ต่อไป เพราะบทความเขียนเมื่อทราบความคืบหน้าล่าสุดตามที่เป็นข่าว

เรื่องรถหรูติดฟิมล์ดำหรือฟิมล์ทึบแสง ขอแยกจากกรณีข้างต้น เพราะได้เคยพูดในหลายแห่งแล้วว่า มีคนบางกลุ่มเชื่อมั่นว่าหากมีการกระทำผิดจะได้รับโอกาสได้รับความเกรงใจจากผู้อื่น ด้วย “สังคมไทย ยังเกรงกลัว คนมีเงิน มากกว่า เกรงกลัวหรือยำเกรงคนทำคุณงามความดี” ที่สำคัญรถหรูจำนวนมาก ไปติดฟิมล์ดำหรือทึบแสงทำให้ดูคล้ายว่าเป็นรถบุคคลสำคัญ เป็นรถคนมีสี เป็นรถที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรู้สึกเกรงกลัวว่าจะเป็นรถผู้ใหญ่ เพราะกฎหมายมีข้ออะลุ้มอล่วยให้รถบางประเภทอยู่ 

ผมจึงเรียกร้องอีกครั้งและจะพยายามรณรงค์เรียกร้องต่อไปกระทั่งได้เห็นว่า วันหนึ่งผู้มีอำนาจได้สำเหนียกและมีความเข้าใจว่า เหตุใดประเทศที่พัฒนาแล้วจำนวนมาก เขาถือว่า การติดฟิมล์สีดำทึบถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีโทษทางอาญา เพราะถ้าจะย้ำให้ชัดๆ ในทางจิตวิทยา มีผลการศึกษารับรองมาช้านานแล้วว่า การสร้างโลกส่วนตัวให้คนเรา เหมือนคนที่ชอบแยกตัวจากสังคม มักจะมีพฤติกรรมที่ต้านสังคม และในหลายรายจะมีความรู้สึกเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม ดังนั้นเมื่อมีอะไรขัดใจหรือคับข้องใจก็จะเห็นว่าในรถกล่องสี่เหลี่ยมที่ตัวเองขับอยู่ ยิ่งติดฟิมล์ทึบคิดว่าไม่มีใครรู้เห็นยิ่งเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนบุคคลใครจะลุกล้ำกร้ำกรายมิได้ ทำให้คดีร้ายแรงอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนท้องถนนก็ด้วยสาเหตุดังกล่าว 

ผมถือว่า การทำหน้าที่นักวิชาการและเป็นคนที่มีส่วนในการร่างกฎหมายสูงสุดของประเทศ ถ้าเห็นอะไรไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมแล้วนิ่งดูดาย สังคมจะติฉินนินทา จึงต้องตั้งคำถามไปถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายว่า ท่านมีหน้าที่และอำนาจอยู่ในมือแต่คนเห็นท่านเป็นหัวหลักหัวตอ ท่านจะยังนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร