สัญญาณความรุนแรง

สัญญาณความรุนแรง

กรณีเหตุระเบิดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อช่วงสายวานนี้ (22 พ.ค.)

 ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 25 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานและติดตามตัวผู้ก่อเหตุ โดยมีประเด็นตั้งข้อสังเกตในเรื่องแรงจูงใจมาจากความขัดแย้งทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเป็นวันครบรอบ 3 ปีของการยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ว่าสาเหตุการลอบวางระเบิดครั้งนี้มาจากอะไร ก็ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติไม่ว่าจะมองว่ามาจากสาเหตุใด

ประการแรก เหตุการณ์ลอบวางระเบิดในครั้งนี้ มีความคล้ายกับการลอบวางระเบิดก่อนหน้านั้นสองครั้ง คือ ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และ โรงละครแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นความต่อเนื่องในช่วงเวลาไม่ห่างกันนัก ซึ่งจนบัดนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ประการที่สอง การลอบวางระเบิดครั้งนี้กระทำในโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าผิดปกติวิสัยอย่างมากสำหรับการเลือกสถานที่ก่อเหตุ เพราะโดยปกติแล้วในพื้นโรงพยาบาลมักจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับการยกเว้น

จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้งอาจสร้างความกังวลมากขึ้นให้กับประชาชน รวมถึงบรรดานักลงทุน เพราะก่อนหน้านั้นเริ่มมีความเชื่อมั่นการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลในเรื่องการดูแลความสงบเรียบร้อย แม้ว่าในครั้งนี้จะไม่สร้างความเสียหายจำนวนมากเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสถานที่เกิดเหตุในครั้งนี้เป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าเป็นโรงพยาบาลทหาร

แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ครั้งนี้ย่อมกดดันการทำงานของฝ่ายความมั่นคงอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะต่อความรู้สึกทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเอง เพราะอย่าลืมว่าความแตกแยกทางความคิดและการแบ่งฝักฝ่ายของประชาชนในประเทศยังดำรงอยู่อย่างสูง ซึ่งการแบ่งฝ่ายในลักษณะที่นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง หาใช่การแบ่งฝ่ายตามระบอบประชาธิปไตยตามปกติเท่านั้น ซึ่งยิ่งคลี่คลายสถานการณ์และหาผู้ก่อเหตุได้ช้า ก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกแบ่งแยกของคนไทยมากขึ้นเท่านั้น

เพราะลักษณะพิเศษของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นและเกิดในโรงพยาบาลของทหารเช่นนี้ ย่อมมีเป้าหมายแสดงให้คนอื่นได้รับรู้ โดยประชาชนที่มีความเชื่อทางการเมืองต่างกันอยู่แล้วเกิดทัศนะที่แบ่งแยกกันมากขึ้น ซึ่งหากเป็นฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล อาจเห็นว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอาจเห็นว่าเป็นการเตือนและแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อรัฐบาลและคสช.

ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสังคมจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ อาจมากกว่าความเสียหายในชีวิตทรัพย์สินหลายเท่า เพราะก่อนหน้านั้น นับว่าสังคมไทยอยู่ในช่วงของการสร้างสมานฉันท์และความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ ซึ่งในบางพื้นที่สามารถคลี่คลายไปได้ แต่ในบางพื้นที่ปัญหาความขัดแย้งยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงสามารถคลี่คลายคดีได้ โดยหาตัวคนร้ายหรืออย่างน้อยสามารถระบุถึงสาเหตุได้ ก็จะสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้นกับคนไทยได้ 

หากยังไม่อาจจับมือใครดมได้ เราเชื่อว่าสิ่งนี้เองจะทำให้ความขัดแย้งในทางความนึกคิดที่เกิดขึ้นของคนในสังคมจะมากขึ้น และความเสียหายก็จะเกิดกับสังคมไทยโดยรวม ที่ไม่อาจทำให้ความขัดแย้งอยู่ในกรอบกติกาได้ เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้จะสร้างพลังมากกว่าตัวมันเองในช่วงที่เกิดความขัดแย้งสูง และสามารถเป็นหัวเชื้อชั้นดีให้กับการก่อเหตุในครั้งต่อไป หากยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาได้ และนั่นจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งของสังคมไทยจากความขัดแย้งรุนแรง