เมื่อทรัมป์บอกรัสเซียว่า ผอ.เอฟบีไอ 'เพี้ยน บ้า สติไม่ดี'
ยิ่งนานวันก็มีหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขยับเข้าใกล้ถูกไต่สวนเพื่อถอดถอนหรือ impeachment
โดยรัฐสภาสหรัฐเข้าไปทุกที
ระเบิดลูกใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าคงจะมาจากนายเจมส์ โคมี อดีตผู้อำนวยการ FBI ที่ทรัมป์เพิ่งปลดแบบสายฟ้าแลบ เขาประกาศว่าพร้อมที่จะไปให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นการให้การอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ใช่ลักษณะปิดประตูคุยกันแบบประชุมลับ โดยอ้างว่าข้อมูลที่เปิดเผยอาจจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
เพื่อนสนิทของโคมีคนหนึ่งออกมาให้สัมภาษณ์ทีวีว่า อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอคนนี้มีความ “สะอิดสะเอียน” (disgusted) กับพฤติกรรมของทรัมป์มาก
ที่ออกมาพูดอย่างนี้แปลว่าโคมีจะต้องรับรู้ก่อน และคงจะต้องการให้เพื่อนคนนี้ออกมาบอกกล่าวกับสาธารณชนว่าเขาพร้อมจะ “ชน” กับทรัมป์เพื่อให้ความจริงปรากฏเสียทีว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่
หลักฐานที่เป็น “ระเบิดลูกใหญ่” ที่จะกลายเป็น “จุดสลบ” ของทรัมป์มีอยู่หลายลูกเช่นที่เขาบอกว่าแม้รัฐมนตรีช่วยยุติธรรมร๊อด โรเซนไสตน์จะไม่ชงเรื่องให้ปลดโคมี เขาเองก็จะไล่ออกอยู่แล้ว
ตอนแรกก็อ้างเหตุผลว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพทำให้ขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ในองค์กรอ่อนแอและเสียขวัญ
แต่ทรัมป์ก็มาสารภาพกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ที่ไปเยือนทำเนียบขาวก็ว่าเขามีความรู้สึกเครียด กับเรื่องที่เอฟบีไอจะสอบสวนเรื่องความโยงใยของเขาและทีมงานหาเสียงกับรัสเซีย
“พอปลดเขา (ผู้อำนวยการเอฟบีไอ) ผมก็โล่งไปเยอะ” ทรัมป์บอกรัฐมนตรีรัสเซียคนนั้น
ไม่ว่าจะตีความอย่างไร การที่คนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐไปเล่าเรื่องอย่างนี้ กับรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติ ที่อยู่ในข่ายกำลังถูกสอบสวน โดยหน่วยงานการสืบสวนสอบสวนระดับชาติอย่างนี้ ย่อมตีความได้ว่าเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายทำให้ประเทศตกอยู่ในภยันตราย โดยเฉพาะในเมื่อรัสเซียถูกรัฐบาลอเมริกัน จัดอันดับเป็นศัตรูหมายเลขต้นๆ ของสหรัฐมาตลอด
เอกสารอีกชิ้นหนึ่งที่จะต้องถูกคณะสอบสวนอิสระนำโดยอดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอโรเบิร์ท มูลเลอร์ เรียกมาค่อนข้างแน่นอนคือบันทึกความจำของโคมี ที่เล่าว่าทรัมป์ได้บอกเขาให้หาทางยุติการสอบสวน เรื่องอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวไมเคิล ฟลินมีความเกี่ยวโยงกับรัสเซีย
โคมีอ้างคำพูดของทรัมป์ตอนหนึ่งว่า “I hope you can let this one go.”
แปลว่าทรัมป์ขอให้ผู้อำนวยการเอฟบีไอ “ปล่อยเรื่องนี้ไป”
ถ้าเป็นภาษาราชการไทยก็เป็นเรื่องที่ผู้นำประเทศขอให้หัวหน้าหน่วยงานสอบสวนจงใจ “ละเว้นปฏิบัติหน้าที่” กันทีเดียว
หลักฐานแต่ละชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นระเบิด ที่พร้อมจะทำลายล้างอนาคตทางการเมืองของทรัมป์อย่างฉับพลันทั้งสิ้น
ทรัมป์มีทางเลือกสองทางคือสู้จนถึงที่สุดหากเรื่องเข้าสู่กระบวนการ “ไต่สวนเพื่อถอดถอน” หรือ impeachment ซึ่งอาจจะยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง
แต่ต้องไม่ลืมว่าจะมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรกลางเทอมในอีก 17 เดือนข้างหน้าซึ่งอาจมีผลต่อจำนวน ส.ส. ในคองเกรสที่มาจากพรรครีพับบลิกันและเดโมแครต และเรื่องอื้อฉาวของทรัมป์ก็อาจเป็นหนึ่งในประเด็นการหาเสียงอย่างร้อนแรงได้
อีกทางเลือกหนึ่งของทรัมป์คือการลาออกก่อนจะไปถึงจุดถูกถอดถอน
หลายคนไม่เชื่อว่าทรัมป์จะยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะอุปนิสัยเป็นนักสู้และนักต่อรอง จึงคงจะต้องเป็นศึกมาราธอนระหว่างทรัมป์กับอัยการพิเศษ และกรรมาธิการในรัฐสภาหลายชุดที่กำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่
แต่ประธานาธิบดีสหรัฐที่บอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่าผู้อำนวยการ FBI ของตัวเอง “crazy, a real nut job” นั้นไม่น่าจะมีวุฒิภาวะพอที่จะปกครองประเทศได้อีกต่อไปยาวนานนัก
เพราะคำนี้แปลว่า “คนบ้า คนเพี้ยน คนสติไม่ดี”!