ต้องหาช่องทางรับรู้

ต้องหาช่องทางรับรู้

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการแถลงผลงานในช่วง 3 ปี

หลังจากเข้าบริหารประเทศตั้งแต่วันที่  22  พ.ค. 2557 และหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนรัฐบาลก็จะแถลงผลงานเช่นเดียวกัน ซึ่งการแถลงของคสช.และรัฐบาลโดยเนื้อหาสาระไม่น่าจะมีอะไรที่แตกต่างกันมากนัก เพราะที่ผ่านมา แม้จะยังดูแลและบริหารประเทศด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองฝ่ายก็มักจะทำงานควบคู่และประสานงานกันเสมอ เนื่องจากคนในรัฐบาลหลายคนก็มีตำแหน่งแห่งที่ในคสช.ด้วย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคสช.

การแถลงนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยหรือรัฐประหารในอดีต ถือเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ อย่างน้อยก็เกิดหลังจากมีการปฏิรูปการเมืองครั้งก่อนในช่วงใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 หลังจากนั้นก็เป็นประเพณีปฏิบัติเรื่อยมาที่รัฐบาลจะต้องมีการแถลงนโยบายประจำปี ซึ่งทุกรัฐบาลมักจะอ้างเสมอว่าตัวเองได้ทำตามนโยบายและได้แก้ปัญหาของประเทศไปมากมาย ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลก็จะเห็นไปด้าน โดยมักจะกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรและแก้ปัญหาล้มเหลว

หากมองการเมืองผ่านประเพณีการแถลงนโยบายของรัฐบาล นับว่าการเมืองได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างมาก ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งหรือมาจากรัฐประหาร เพราะการแถลงนโยบายถือว่าเป็นโอกาสสำคัญในการชี้แจงว่าตัวเองได้ทำงานอะไรไปบ้าง และอันที่จริงการแถลงนโยบายนั้น รัฐบาลไม่ได้หวังจะให้ฝ่ายค้านหรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือแม้แต่คนในรัฐบาลฟัง แต่ต้องการแถลงให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบและรับรู้ต่างหาก นั่นหมายความว่าเสียงของประชาชนยังมีพลังเสมอไม่ว่ารัฐบาลจะมาด้วยวิธีไหน

ดังนั้น ความหมายที่แท้จริงของการแถลงนโยบายรัฐบาล อยู่ที่ประชาชนคิดเห็นอย่างไรต่อการทำงานของรัฐบาล หรืออาจกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าเป็นการสะท้อนความนิยมในตัวรัฐบาลเอง เพราะหากแถลงไปแล้วคนก็ยังรู้สึกย่ำแย่จากการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะแถลงออกมาดูดีแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาลได้ ในทางตรงกันข้าม หากประชาชนชื่นชมการทำงานของรัฐบาล แม้ว่าในช่วงรอบปีไม่ได้ทำอะไรคืบหน้ามากนัก คนก็ยังให้ความนิยมอยู่นั่นเอง

การให้ความสำคัญของรัฐบาลต่อคะแนนความนิยมของประชาชน ยังชี้ให้เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลประสบความสำเร็จได้ยาก หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ยกตัวอย่างงานสาธารณะต่างๆ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน หรือเรื่องสำคัญอย่างการดูแลความสงบเรียบร้อย หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือแล้ว การทำงานของรัฐบาลก็เต็มไปด้วยความยุ่งยาก เพราะลำพังคนของรัฐเองไม่เพียงพอจะดูแลความสงบเรียบร้อยได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นความร่วมมือจากประชาชนถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการเมืองสมัยใหม่ที่มีความซับซ้อนสูง

หากรัฐบาลต้องการให้การแถลงนโยบายมีความหมาย มากกว่าการแจ้งให้ประชาชนรับทราบการทำงาน รัฐบาลอาจจำเป็นต้องหาช่องทางเพื่อรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของประชาชน ซึ่งไม่เพียงแค่การติดตามข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือทางโทรทัศน์เท่านั้น โดยเฉพาะรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจมีความจำเป็นต้องหาช่องทางในการรับรู้ถึงความต้องการของประชาชน เพราะรัฐบาลมีการปฏิรูปหลายด้านและบางเรื่องเป็นเรื่องที่ยากในการทำความเข้าใจ ซึ่งการเปิดช่องทางเพื่อให้เกิดการรับรู้อย่างทั่วถึงเท่านั้นที่จะทำให้การปฏิรูปสำเร็จได้ หาไม่แล้วก็เป็นเพียงการปฏิรูปด้านเดียว เพราะคนที่ถูกปฏิรูปไม่เข้าใจและมองไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองจากนโยบายของรัฐบาล