ทำอย่างไรอย่าให้ใครเขาหยามเหยียด

ทำอย่างไรอย่าให้ใครเขาหยามเหยียด

เร็วๆ นี้มีข่าวที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง นำข้อเขียนของชาวบ้านที่เดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลี

ซึ่งครองแชมป์การส่งคนไทยที่อ้างว่าต้องการไปเที่ยว แต่ให้เดินทางกลับประเทศต้นทาง แถมได้รับการปฎิบัติที่ไม่สุภาพ ไม่ให้เกียรติกัน น่าจะเป็นความรู้สึกไม่ดีเอามากๆ กระทั่งได้นำเรื่องราวต่างๆ ถ่ายทอดมาในโซเชียลมีเดีย และหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไปพบเข้าจึงนำเอามาเสนอให้สังคมได้รับทราบ

เรื่องดังกล่าวข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผู้เขียนไม่สามารถยืนยันหรือตอบแทนผู้ที่ถูกกล่าวอ้างถึงได้ แต่ถามว่าเคยได้ยินได้รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวหรือไม่ ต้องยอมรับว่าได้ทราบเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เคยเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านของเกาหลีอย่างประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมคณะเดินทางไปกับหลักสูตรที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก และมีกิจกรรมเดินทางไปทัศนศึกษายังต่างประเทศ ทีแรกต้องการเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ ลงชื่อคนแรกๆ เลย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทางบริษัททัวร์ได้แจ้งยกเลิกเส้นทางการเดินทางด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันว่า ระยะนั้น (ประมาณเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา) ประเทศเกาหลีเดินทางเข้ายากมากโดยเฉพาะสุภาพสตรีชาวไทย ทางบริษัททัวร์เกรงจะเกิดปัญหาไม่คาดคิดเพราะอำนาจในการอนุญาตให้ใครเข้าประเทศได้ เป็นอำนาจอันชอบธรรมของฝ่ายตรวจคนเข้าเมือง จึงไม่ต้องการให้ผู้เดินทางต้องประสบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงเป็นเหตุให้หลายคนที่สมัครใจจะไปเกาหลีต้องถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศญี่ปุ่นแทน

เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวจึงพยายามค้นหาข้อมูลความจริงในหลายแหล่ง แห่งที่เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาที่มีการกล่าวขวัญกันนี้มีสาเหตุที่มาที่ไปมาด้วยเหตุผลประการใด ก็พบว่าข้อมูลที่ทราบทางสมัครพรรคพวกซึ่งเป็นนักการทูตก็จะโยงไปในเรื่องประเด็นการค้ามนุษย์ ภาษาชาวบ้านที่เข้าใจง่ายๆ คือ การมีนายหน้านำเข้าแรงงานเถื่อนไปทำงานในประเทศเหล่านั้น กระทั่งบานปลายมีเรื่องการค้าประเวณีที่เป็นสถิติต้นๆ เรื่องหนึ่งที่เราพยายามเลี่ยงจะไม่พูดถึง

แต่เราจะไม่พยายามกวนน้ำให้ขุ่น หรือพูดในเรื่องที่คนที่เกี่ยวข้องเขาคิดสะระตะดีแล้วว่า จะไม่พยายามแตะหรือสร้างปมปัญหาให้มันซับซ้อนยิ่งขึ้น เพราะเราต่างรู้ดีว่า เรื่องสองสามเรื่องที่ไม่ค่อยอยากพูดถึงนี้ เป็นตราบาปของสังคมไทยมาช้านานและเราต่างรู้ดีว่า ใครที่ได้รับหรือแบ่งปันผลประโยชน์เหล่านี้ เห็นกันอยู่โทนโท่ก็ต้องหยิบเอาคดีที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่วันนี้ใครไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ต้องถามกันว่าไม่ทำอะไรอยู่ที่ใดมา

ปัญหาที่คนอื่นมองแล้วเห็นคนไทยในทางลบๆ เป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องพยายามปกปิดซ่อนเร้น และพยายามหลับหูหลับตาพูดว่าเป็นเรื่องจริงแต่เป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้ประเทศเรามีแต่นักท่องเที่ยวจีน มีแต่คนอาหรับเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยแบบทัวร์สุขภาพ การแก้ปัญหาแบบพูดความจริงไม่ครบถ้วนหรือละเว้นที่จะยอมรับความจริงแล้วตั้งใจแก้ปมปัญหาที่มีอยู่ จึงเป็นบ่อเกิดที่ทำให้คนอยู่ทางใต้ด้ามขวานทองเดินทางผ่านเข้ามาในเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งนอกจากเรื่องของการทำการค้าธุรกิจแล้ว เรื่องของการค้าประเวณีก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ดึงคนได้ไม่น้อย ไม่ต่างกับวันนี้ที่กรุงเทพยังมี พัฒน์พงษ์ มีซอยคาวบอย มีทำเลทองย่านสุทธิสาร และอีกหลายแหล่งให้นักชอปปิงทางเพศได้เลือกสรรตามรสนิยมและเหตุปัจจัยต่างๆ แม้แต่การค้าขายทางเพศออนไลน์ก็ระบาดอย่างหนัก เอาเว็บการพนันบังหน้าก็เยอะแต่พอเข้าไปในเว็บเหล่านี้ก็จะพบช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลเรื่องที่ว่าอยู่มากมาย สั่งซื้อสินค้ากันง่ายเหมือนอาหารจานด่วน

ถ้าวันนี้ฝ่ายผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการนักท่องเที่ยว และผู้บังคับใช้กฎหมายยังเพลิดเพลินกับตัวเลข ที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่อาจไม่ใช่ข้อมูลความจริง ที่จะสร้างความมีเสถียรภาพและการได้มาซึ่งรายได้ ที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจขยับตัวได้อย่างยั่งยืน ก็จะเป็นปัญหาให้คนต่างชาติต่างภาษารู้สึกเหยียดหรือนินทาว่าร้ายคนไทย ที่จำนวนมากมิใช่คนที่ทำมาหาได้กับเรื่องเหล่านั้นแต่ต้องถูกเหมารวม เหมือนสมัยก่อนที่พวกเราอาจชอบดูถูกคนอีสานเป็นลาว เรียกคนไทยเชื้อสายจีนเป็นเจ๊ก เรียกแขกหรือคนมุสลิมเป็นอาบัง กระทั่งกลายเป็นเรื่องชินชาทั้งที่เราไม่รู้ว่าเขามีตัวตนเป็นจริงอย่างไร เรื่องเดียวกันนี้กำลังกระทบกับคนไทยเช่นเดียวกัน แต่เราเองมีดีของเรา และเมื่อวันนี้ประเทศถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง คนที่มีหน้าที่และอำนาจรับผิดชอบ ก็ไม่สมควรจะเพิกเฉยรับผลประโยชน์หรือนิ่งดูดาย ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกกันอีกต่อไป