“Experteering” ท่องโลกกว้างพร้อมทำงาน “จิตอาสา”

แต่การอาสาออนไลน์ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาสังคมได้ทั้งหมดเสียทีเดียว ยังมีการอาสาอีกหลายรูปแบบที่ต้องการคนเก่ง (แบบตัวเป็นๆ) เพื่อเข้ามาทำประโยชน์และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่สังคมค่ะ

ตัวอย่างที่จะพูดถึงวันนี้ คือองค์กรที่ชื่อว่า MovingWorlds ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาการขาดบุคลากรที่มีความสามารถ โดยเวบไซต์MovingWorlds.orgเป็นเหมือนเวบไซต์ “จับคู่” ระหว่างผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวพร้อมทั้งอาสานำความสามารถของตนเองที่มีไปใช้เพื่อประโยชน์ หรือExperteers(มาจากExpert+volunteer)และองค์กรเพื่อสังคมทั่วโลก หรือHosts

จุดเริ่มต้นของ MovingWorlds มาจากการที่สองผู้ก่อตั้ง “มาร์ก โฮโรสโซวสกี้” และ “เดิร์ก นอร์ดี” ได้พบกันในงานเพื่อสังคมงานหนึ่งในประเทศอาร์เจนตินา โดยมาร์กเคยทำงานในเอเจนซี่ด้านมาร์เก็ตติ้งแห่งหนึ่งก่อนจะตัดสินใจลาออก และออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและเป็นอาสาสมัครเป็นเวลาถึงหนึ่งปีเต็ม เมื่อทั้งสองมาพบกันจึงพบว่ามีความสนใจตรงกันในการแก้ปัญหา “ช่องว่างทักษะ” หรือTalent Gapซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ทั้งสองจึงก่อตั้ง MovingWorlds ขึ้น โดยปัจจุบันมีออฟฟิศอยู่ 2 แห่งในสหรัฐอเมริกา (ซีแอตเติล และวอชิงตันดีซี) และอีก 1 แห่งในโคลัมเบีย (เมืองเมเดยิน)

ประเภทของการอาสาสมัครของ MovingWorlds มีหลายรูปแบบ โดยมีตั้งแต่ระดับ “Trainer” เริ่มต้นที่ 1-4 สัปดาห์ โดยนำความรู้เฉพาะทางของตนไปสอนให้แก่องค์กรที่ต้องการ เช่น การบัญชี, แนวคิดด้านHR,การวิเคราะห์การตลาด ต่อมาคือระดับ “Doer” เริ่มที่ 1-8 สัปดาห์ โดยเข้าไปช่วยสร้างผลงานที่เห็นได้ชัด อาทิ การออกแบบเวบไซต์, การจัดตั้งระบบการทำบัญชี, การพัฒนาแผนการตลาด หรือโปรเจคต์ต่างๆ ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง ต่อมาคือ “Consultant” ใช้เวลา 3-24 สัปดาห์ โดยเข้าไปคลุกคลีและให้เวลาอย่างเต็มที่ในภารกิจนั้นๆ และยังเป็นการเรียนรู้ชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่นไปด้วย และสุดท้ายคือ “Team member” ระยะเวลาการเป็นอาสาสมัครนาน 6 เดือนขึ้นไป และร่วมเป็นสมาชิกในทีมของหน่วยงานนั้นๆ เหมือนการเป็นพนักงานสัญญาจ้างในระยะเวลาหนึ่ง

นอกจากประเภทของการอาสาจะมีหลายรูปแบบและระยะเวลาที่ต่างกันแล้ว แต่ในละภูมิภาคลักษณะของงานที่ต้องการก็อาจไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนจะเป็นอาสาสมัคร ทาง MovingWorlds จึงแนะนำให้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ความสามารถหรือทักษะที่ตนเองมี, ระยะเวลาที่สามารถเป็นอาสาสมัครได้, ความยั่งยืนของโครงการนั้นๆ ว่าสร้างประโยชน์ในระยะยาวจริงหรือไม่ และสุดท้ายคือภาษา ว่าประเทศที่จะไปเป็นอาสาสมัครนั้นต้องการภาษาใดในการสื่อสาร เพราะบางประเทศอาจต้องการภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น ภาษาฝรั่งเศส สเปน เป็นต้น

สำหรับค่าใช้จ่าย จะมีส่วนที่อาสาสมัครต้องจ่ายเอง และส่วนที่องค์กรเพื่อสังคมที่เป็นHostsจ่ายให้ อาทิ บางองค์กรอาจสนับสนุนค่าเดินทางให้ในกรณีที่ภารกิจนั้นใช้เวลามากกว่า 2 เดือน และส่วนใหญ่เกือบทุกองค์กรจะมีอาหารและที่พักให้ฟรีตลอดการเป็นอาสาสมัคร แต่เมื่อคำนวณแล้วค่าใช้จ่ายที่อาสาสมัครต้องจ่าย จะถูกกว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวเองในระยะเวลาที่เท่ากันราวครึ่งหนึ่งทีเดียว

ตัวอย่างของการรับสมัครอาสาสมัครในMovingWorldsที่เปิดรับอยู่ในปัจจุบัน อาทิ การเปิดรับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดไปปฏิบัติภารกิจในองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ประเทศอินเดียเป็นเวลา 11-24 เดือน, การเปิดรับสถาปนิกไปปฏิบัติงานในองค์กรด้านอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำที่ประเทศเอกวาดอร์เป็นเวลา 2-11 เดือน และการเปิดรับผู้เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์ไปปฏิบัติงานในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเทศเม็กซิโกเป็นเวลา 1– 3 เดือน เป็นต้น และแน่นอนว่ามีองค์กรเพื่อสังคมบางแห่งในประเทศไทยที่เคยเปิดรับอาสาสมัครต่างชาติเข้ามาร่วมงานผ่านMovingWorlds ด้วยเช่นกันค่ะ

โดยจากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการเป็นอาสาสมัคร นอกจากจะทำให้โลกเปลี่ยนไปในทางที่ดีชึ้แล้วยังเป็นการช่วยบุคคลที่เป็นอาสาสมัครเองโดยตรงด้วย โดยการอาสาสมัครของแต่ละคนมีหลายเหตุผลด้วยกัน เช่น บางคนไปเพราะองค์กรของตนสนับสนุนให้พนักงานร่วมกิจกรรมลักษณะนี้เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ หรือบางคนก็อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยเหตุผลส่วนตัว เช่น ต้องการศึกษาวัฒนธรรมหรือภาษานั้นๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม การเปิดโลกทัศน์ด้วยการเป็นอาสาสมัครในต่างประเทศ ก็อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงจนอาจ “เปลี่ยนชีวิต” ของคนๆ นั้นไปเลยก็ได้ หากคุณผู้อ่านท่านใดที่สนใจเป็นอาสาสมัครแบบนี้ดูบ้างก็ลองเข้าไปดูที่ MovingWorlds.org นะคะ