3 ปี คสช.
ใกล้ครบ 3 ปีของการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองของ คสช. ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงแซ่ซ้อง
ณ วันที่ 22 พ.ค.57 เงียบหายไปเยอะหากเทียบกับวันนี้
ความผิดพลาดสำคัญที่สุดของ คสช.ที่ทำให้คะแนนนิยมลดลงอย่างมากในระยะหลังก็คือ การที่ คสช.ไม่ทำตัวเป็น “รัฐบาลเฉพาะกาล” แต่กลับทำตัวเป็น “รัฐบาลถาวร”
เหตุผลที่ คสช.ยึดอำนาจ คือสกัดมวลชนปะทะกัน และยุติความขัดแย้งแตกแยก ถึงขั้นใช้อาวุธเข้าประหัตประหารกันระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
แต่หลังจากยึดอำนาจแล้ว คสช.กลับไม่ได้แก้ปัญหาตรงจุดนี้เลย หนำซ้ำยังทำหลายเรื่องซ้ำเติมความขัดแย้งให้หนักข้อขึ้นไปอีก
ความขัดแย้งที่รากเหง้า ซึ่งจริงๆ แล้ว คสช.แก้ได้หากจริงใจจะแก้ และถ้าเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันแรกที่ยึดอำนาจเข้ามา ป่านนี้อะไรๆ คงดีขึ้นมาก
ปรากฏการณ์ผู้คนแบ่งออกเป็น 2 ขั้วความคิด โดยที่ไม่ได้ยึดหลักเหตุผลยังมีอยู่เหมือนเดิม เพราะมีรากฐานมาจากการคิดแบ่งแยกที่เป็นปัญหาเก่าค้างคาอยู่
อย่างเรื่องการซื้อเรือดำน้ำจากจีน หรือเรื่องการตัดสินใจเชิงนโยบายอีกหลายอย่าง ซึ่งไม่ได้มาจากการยอมรับและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง สุดท้ายก็กลายเป็นความขัดแย้ง สาดข้อมูลด้านเดียวเข้าใส่กัน
ความสงบเรียบร้อยที่ คสช.อวดอ้างเป็นผลงานเสมอนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่การซุกขยะไว้ใต้พรม หาใช่ดีขึ้นจริง สะอาดจริงดังที่ประกาศ
เหมือนกับจุดแข็งของ คสช.ในเรื่องความมั่นคง ถามว่าผ่านมา 3 ปีมีอะไรดีขึ้นบ้าง...อย่างปัญหาไฟใต้ ก็เพิ่งมีคาร์บอมบ์ในห้างบิ๊กซี ปัตตานี เรื่องระเบิดป่วนเมืองก็ยังมีให้เห็นอยู่เป็นระยะ การจับกุมกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง ก็เลือกฟากฝั่งเดียว มองประชาชนเป็นศัตรู
คสช.ไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่ “คนกลาง” หรือ “ผู้คุมกฎ” แต่กลับกลายมาเป็น “ผู้เล่น” เสียเอง และยิ่งเล่นก็ยิ่งมีปัญหา เพราะแต่ละเรื่องล้วนเกี่ยวพันกับกลุ่มผลประโยชน์ การเข้ามาทำหน้าที่เหมือนรัฐบาลปกติ แต่มาจากการ “ยึดอำนาจ” จึงอยู่ในภาวะขาลอยเพราะไม่มีเขตเลือกตั้งรองรับ โดยเฉพาะในวันที่การตัดสินใจเชิงนโยบายผิดพลาด หรือกำลังอยู่ในช่วงขาลง
ที่สำคัญคือปัญหาและโครงสร้างผิดๆ ที่รัฐบาลชุดนี้สร้างไว้ โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามมาตรา 44 อย่างมโหฬารนั้น ถามว่าอีกกี่ปีบ้านเมืองจึงจะคืนสู่ภาวะปกติจริงๆ เสียที!