เราได้อะไรจากการประชุมเบิร์คเชียร์ปีนี้

เราได้อะไรจากการประชุมเบิร์คเชียร์ปีนี้

จะเห็นได้ว่า นักลงทุนที่ดีต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งติดตามการประชุมประจำปีของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮธาเวย์ มาหลายปี โดยในปีนี้ได้รับชมการถ่ายทอดสดแบบ live streaming ทางเว็บไซต์ Yahoo และทำการแปลเป็นไทยแบบสดๆ ให้ผู้ติดตามเพจ Club VI ได้อ่านกัน จึงอยากหยิบยกเอาเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังกันตรงนี้นะครับ

'วอร์เรน บัฟเฟตต์' ได้แนะนำ 'แจ็ค โบเกิล' ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ที่เป็นคนนำข้อมูลเรื่องกองทุนอิงดัชนี (Index Fund) ออกมาตีแผ่ว่า Index Fund ที่อิงกับ S&P 500 ธรรมดาๆ สามารถทำผลตอบแทนชนะพวก active fund หรือกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนเก่งๆ บริหารได้สบายๆ โดยปู่ยังบอกด้วยว่า แม้หุ้นเบิร์คเชียร์ (BRK) จะให้ผลตอบแทนสูง แต่การถือ Index Fund จะทำให้คุณสบายใจ และมีเวลาไปทำสิ่งอื่นๆ กับชีวิต

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งฮือฮาอย่างยิ่งก็คือ ปู่ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าการเข้าซื้อ IBM ถือเป็น 'ความผิดพลาด' หลังจากได้ทยอยขายหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่สีฟ้าออกไปก่อนหน้านี้ และพูดถึง Apple ว่าตนเองเข้าซื้อเพราะเป็นบริษัทที่มี 'คูเมือง' (moat) นั่นคือความนิยมจากคนทั่วโลกที่ทำให้คู่แข่งเข้ามาต่อกรด้วยยาก

อีกคำถามหนึ่งซึ่งเป็นข้อข้องใจของคนในแวดวงการลงทุนมากว่าครึ่งค่อนปีก็คือ เพราะเหตุใดปู่จึงลงทุนใน 'สายการบิน' ทั้งๆ ที่ตัวแกพูดมาตลอดว่าเป็นธุรกิจที่ควรหลีกเลี่ยง

ในเรื่องนี้ บัฟเฟตต์ตอบคำถามอย่างละเอียดเป็นครั้งแรก โดยบอกว่า ทุกวันนี้ สายการบินต่างๆ สามารถบริหาร capacity ของตัวเองได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีผลตอบแทนต่อเงินทุน (return on capital) ที่สูงขึ้นกว่าเดิม โดยทำรายได้จากระยะการเดินทางของผู้โดยสาร (revenue passenger mile) ได้มากขึ้น จึงเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของทั้งสี่สายการบินที่เบิร์คเชียร์ถือหุ้นอยู่ดีขึ้นมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นั่นแปลว่าการเข้าซื้อธุรกิจสายการบินของปู่ เป็นการมองในเชิงปริมาณ คือพิจารณา 'ตัวเลขทางการเงิน' ล้วนๆ

แต่ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ปู่มีมุมมองที่เปลี่ยนไปพอสมควรต่อ 'หุ้นเทคโนโลยี' ถึงขนาดยอมรับว่าตนเองทำผิดพลาดที่ไม่ได้ซื้อ Google เมื่อนานมาแล้ว ทั้งๆ ที่แต่ไหนแต่ไรมา บัฟเฟตต์มีภาพที่ตรงข้ามกับหุ้นจำพวกนี้มาโดยตลอด นอกจากนี้ หลังการประชุมเพียง 2 วัน แกยังให้สัมภาษณ์ยอมรับอีกว่า แก 'โง่' ที่ไม่ซื้อหุ้น Amazon เพราะคาดไม่ถึงว่า ซีอีโอ เจฟฟ์ เบซอส จะสรรค์สร้างธุรกิจขึ้นมาได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ และทำให้บริษัทค้าปลีกดั้งเดิมตายซากไปเลย

จะเห็นได้ว่า นักลงทุนที่ดีต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป บัฟเฟตต์เคยถูกมองว่าเป็นคนที่ 'เปลี่ยนยาก' ซึ่งคุณสมบัตินี้ก็ทำให้เขาเอาตัวรอดจากฟองสบู่ด็อทคอมที่แตกเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนได้ แต่ในที่สุดวันนี้ เขาก็ 'เปลี่ยนแปลง' มุมมองของตัวเอง เมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ 'ผู้ชนะ' อย่าง Google Amazon หรือแม้แต่ Apple

นักลงทุนตัวเล็กๆ อย่างเราๆ จึงควรจำเอาไว้เป็นบทเรียน และหมั่นตั้งคำถามต่อความเชื่อของตัวเองอยู่เสมอ ไม่ใช่เอาแต่ยึดติดหรือกราบไหว้มัน

ทั้งหมดนี้คือประเด็นหลักๆ ส่วนหนึ่งจากการประชุมผู้ถือหุ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก หวังว่าอ่านแล้วจะได้รับประโยชน์กันไปบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ