3 คลื่น + 5 ธีม กับภาพครึ่งหลังปี 2017

3 คลื่น + 5 ธีม กับภาพครึ่งหลังปี 2017

ครึ่งหลังของปี 2017 ผมคิดว่าจะมีคลื่นอยู่ 3 ลูกในการกำหนดทิศทางภาพใหญ่ของตลาดการเงิน

 ได้แก่ คลื่นลูกแรกมีความถี่สูงและมีขนาดกลางๆ ที่ขอเรียกว่าวัฏจักรโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นคลื่นที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลง ของนโยบายทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีขึ้นอย่างถี่ยิบ ที่สำคัญจะเป็นการสลับฟันปลาระหว่างคลื่นทางด้านนโยบายเศรษฐกิจ กับการทำสงครามผ่านการโจมตีพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั่วโลก โดยเมื่อการผ่านนโยบายหรือการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ถึงทางตัน ก็จะมีการทำสงครามผ่านการโจมตีพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั่วโลก เข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจของความล้มเหลวดังกล่าว

คลื่นลูกที่สอง เป็นคลื่นที่มีความถี่ต่ำ ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงของคลื่นนี้มาเท่าไหร่นัก ทว่าคลื่นนี้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเวลายิ่งผ่านเลยไป โดยที่การระเบิดของคลื่นลูกนี้ไม่สามารถบอกหรือกะเกณฑ์ไว้ล่วงหน้าได้ คลื่นลูกนี้เรียกว่าวัฏจักรเศรษฐกิจจีนซึ่งมีความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจในหลายเรื่องเกิดขึ้นอยู่ ที่คลื่นนี้ไม่ค่อยมีเห็นการเปลี่ยนแปลงมากนักในเวลาสั้นๆ เนื่องจากเป็นสไตล์ของรัฐบาลจีน ที่คอยช่วยไม่ให้จุดอ่อนทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่มีอยู่จริงเกิดผลกระทบให้เห็นในวงกว้าง ที่บอกว่าเป็นคลื่นที่ลูกใหญ่ขึ้นๆตามเวลานั้น เนื่องจากยิ่งเศรษฐกิจจีนยิ่งโตมากขึ้นเท่าไหร่ คลื่นลูกนี้ก็จะใหญ่ขึ้นตามเศรษฐกิจจีนไปเรื่อยๆ

คลื่นลูกสุดท้าย ได้แก่ คลื่นที่มีความถี่กลางๆ ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก คลื่นลูกนี้เรียกกันติดปากว่า ‘กระแสประชานิยม’ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Populism คลื่นลูกนี้ เกิดมาจากความไม่เท่าเทียมของฐานะทางการเงินที่มีอยู่มากขึ้นๆเรื่อยๆ จนก่อตัวให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จนอังกฤษต้องแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit และกำลังจะคืบคลานมาที่ฝรั่งเศสให้นางมารีน เลอแปน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสไหม ต้องรอดูกัน แล้วจะเลยไปที่การเลือกตั้งอังกฤษในเดือนมิถุนายน การเลือกตั้งในอิตาลีและเยอรมันหรือไม่ ยังเป็นที่จับตามองกัน ที่คลื่นลูกนี้มีความถี่กลางๆเพราะข่าวคราวมาสักเดือนละครั้ง ทว่าหากฝรั่งเศสเกิดติดกระแส Populism เข้าไปด้วย คลื่นลูกนี้ก็จะถือว่าอยู่กับเราไปอีกพักใหญ่ แต่ถ้าอาทิตย์นี้ นายเอมมนูเอล มาครองชนะการเลือกตั้ง คลื่นนี้ก็ถือว่ามาถึงจุดที่สูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในแง่ของธีมของครึ่งหลังปี 2017 ผมคิดว่าจะประกอบด้วย 5 ธีม ดังนี้

หนึ่ง ธีม Global Reflation ซึ่งหมายถึงมีอัตราเงินเฟ้อเป็นบวกนิดหน่อยราวร้อยละ 1 ต้น กับมี real GDP Growth ที่สูงพอควรสักร้อยละ 2-3 โดย Global Reflation ได้ขับเคลื่อนตลาดช่วง 4 เดือนแรกของปี และมีทีท่าว่าจะยังไปต่อช้าๆในยุโรป และ อาจรวมถึงญี่ปุ่นและสหรัฐ ส่วนหนึ่งเกิดมาจากความต่อเนื่องหรือ Sustainability ของ

นโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลให้เกิด Reflation ต่อเศรษฐกิจ

สอง ธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นทางการเงินอีกรอบในช่วงครึ่งหลังปี 2017 เพื่อทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัวกว่านี้ เป็นการรักษาอัตราเงินเฟ้อให้เป็นบวกและส่งผลทางจิตวิทยากับตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาคึกคัก รวมถึงธนาคารกลางยุโรปยังอยู่ในโหมดผ่อนคลายต่อ

สาม ผู้นำคนต่อไปของฝรั่งเศสและอิตาลี จะเป็นกำหนดโทนทางเศรษฐกิจของยุโรป รวมถึงผู้นำเยอรมันต้องไม่พลิกโผ

สี่ สงครามระหว่างประเทศจะรุนแรงเหมือนในปัจจุบันหรือไม่ รัสเซียจะกลับมาใช้อำนาจทางการทหารอยู่เป็นพักๆเพื่อสั่งสอนทรัมป์กลับไหม รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ของสถาบันการเงินของสหรัฐยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าจะทำให้เกิดวิกฤติการเงินรอบใหม่เร็วกว่าที่คาดไว้

ห้า ธนาคารกลางสหรัฐน่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจยังไม่ดีในทุกมิติและป้องกันมิให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเกิน รวมถึงรับลูกทรัมป์ที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเชื่อนายแกรี คอห์นมากขึ้นเยอะมาก ผมคิดว่าจำนวนครั้งและจังหวะเวลาของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ จะเป็นเหมือนการเป่านกหวีดให้ตลาดทราบว่าเศรษฐกิจดีอย่างที่คิดจริง เนื่องจากสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจดีจริงๆเท่านั้น

ทั้งหมดคือ 3 คลื่น + 5 ธีม กับมุมมองของภาพในครึ่งหลังปี 2017 ครับ