ฤาสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีจะเปลี่ยนผัน

ฤาสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีจะเปลี่ยนผัน

ความตึงเครียดถึงขั้นเสี่ยง ที่จะใช้อาวุธอานุภาพสูงโจมตีกัน ในเอเชียตะวันออกไกลเมื่อไม่นานมานี้ ปลุกเร้าประเด็นหลากหลาย

 ที่เกี่ยวกับสถานการณ์สงครามเกาหลี (แต่ไม่มีประเด็นใดเลยที่คิดว่าเกาหลีเหนือจะเอาชนะใครได้) การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางการเมืองของคาบสมุทรเกาหลีนั้นดูเหมือนว่าอาจจะเกิดขึ้นได้จริง เมื่อเห็นตัวแปรต่างขยับและปรับท่าทีจากเดิมของตนไปเยอะ กระนั้นก็ตาม สงครามร้อนก็ยังไม่น่าจะเกิดเกินไปกว่าการปะทะทำลายกันเพียงเล็กน้อย และถ้าเกาหลีเหนือจะล่มสลายในข้ามคืนจริง ผู้ที่เดือดร้อนก็ประเทศรอบข้างนั่นแหล่ะ

ที่ผ่านมาบรรดานักค้าความหวาดกลัวพากันตีปีกกระพือข่าวโอกาสเกิดสงครามกันสนุก ปลุกให้คนทั่วไปใจสั่น มีการเตรียมพร้อมอพยพในญี่ปุ่นให้ได้ภายในสิบนาทีหากโดนขีปนาวุธโจมตี มีการโห่ร้องดีใจว่าเห็นทีอเมริกาจะต้องเสียเรือรบบ้างแล้ว ขณะที่บางคนก็เก็งกำไรหุ้นและค่าเงินกันสนุก เมื่อดูสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์เผิน ๆ ก็อาจน่าหวั่นใจจริง ๆ ผู้นำโสมแดงเพิ่มดีกรีความบ้า เพิ่มวาจาการขู่ ส่วนประธานาธิบดีร้อยวันของสหรัฐ ฯ ก้อได้ชื่อว่าบ้าบิ่นโผงผางก็ยิ่งกดดันตอบโต้ มีการเตรียมพร้อมของกองทัพของทุกประเทศรายรอบเกาหลีเหนือ จนดูเหมือนไคลแม็กซ์คงมาถึงในไม่ช้านี้

แต่ในที่สุดบรรดาผู้นำที่ออกตัวกร้าวและแลดูโฉ่งฉ่าง ก็ไม่ได้โง่หรือบ้าดังภาพลักษณ์พอที่จะพาประเทศของตนเข้าสู่สงคราม Kim Jong-Un ปลดล็อกเงื่อนไขได้อย่างชาญฉลาด เขาจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะต้องแสดงแสนยานุภาพทางทหารในวันเกิดของพ่อเขา ถ้าเขาไม่ยิงขีปนาวุธออกไป เขาก็กลายเป็นคนป็อดในสายตาคนรอบข้าง และอาจส่งผลให้สถาบันของเขาคลอนแคลน แต่ถ้าเขายิง เขาก็จะบีบให้รัฐบาลวอชิงตันไม่มีทางเลือก ต้องโจมตีกลับในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ซึ่งก็จะทำให้สถาบันของเขาคลอนแคลนเช่นกัน ประธานาธิบดีคิมจึงสั่งทดสอบขีปนาวุธแบบให้มันล่มเสียตั้งแต่ต้น ก่อนที่จรวดสกัดกั้นที่เกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นจะทำงาน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขารักษาคำมั่นสัญญา แต่การทดสอบนั้นเองที่ไม่เป็นใจ ไม่เกิดความเสียหายกับชาติอื่น แล้วสหรัฐ ฯ จะกล้าโจมตีกลับอย่างรุนแรงเกินไปเชียวหรือ ต่อมาในวันครบรอบปีกองทัพเกาหลีเหนือ คิมก็เลือกที่จะทดสอบการยิงปืนใหญ่แทนการยิงขีปนาวุธ

แท้จริงแล้ว สิ่งที่คิมวิตกมากที่สุดไม่ใช่สงครามภายนอก ที่จะเกิดหรือไม่นั้นขึ้นกับเขาเองที่จะผ่อนหรือดึงเกมระหว่างประเทศ แต่เป็นความมั่นคงภายใน ที่เขาต้องระวังพวกขุนศึกจะโค่นล้มเขาหากเขาอ่อนแอ ขณะที่คิม ใช้ความหวาดกลัวปนกระเหี้ยนกระหือในการเตรียมพร้อมทำสงครามกับศัตรู เป็นเครื่องมือในการค้ำบังลังก์ของตน สหรัฐ ฯ ก็ใช้ความหวาดกลัวในลักษณะเดียวกันที่เกิดกับชาวเกาหลีใต้และชาวญี่ปุ่น มาเป็นเวลาไม่น้อยไปกว่าที่เกาหลีเหนือทำกับประชาชนของตน แล้วอย่างนี้สหรัฐ ฯ จะพิชิตเกาหลีเหนือไปทำไม

ยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ฯ ยังคงเป็นการที่เอเชียตะวันออกไกลต้องระส่ำระสายเล็กน้อย แต่พอควบคุมภายใต้อุ้งมือของสหรัฐ ฯได้ ถ้าสุขสงบเกินไป เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นอาจหลุดขั้วออกไป และสหรัฐ ฯ จะโอบล้อมจีนได้ยากขึ้น แต่ถ้าระส่ำระสายมากไปก็ต้องป้องปรามเสียบ้าง ยุทธศาสตร์นี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ จึงเห็นว่าจีนหรือเกาหลีเหนือยังไม่กล้ายึกยักกับสหรัฐ ฯ เกินงาม แต่ก็เพราะสหรัฐ ฯ ดำเนินการเช่นนี้ ทั้งสองประเทศก็พัฒนาแสนยานุภาพทางทหารของตนเองขึ้นตามลำดับ โดยสหรัฐ ฯ หยุดยั้งไม่ได้

รัฐบาลปักกิ่งไม่ได้อุ้มชูเปียงยางเพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องร่วมอุดมการณ์ แต่เป็นรัฐกันชนจ่อคอหอยญี่ปุ่น ศัตรูตลอดกาล เกาหลีเหนือจึงต้องอยู่กับโซ่ที่จีนล่าม จะกรรโชกใครบ้างก็พอมิให้เกินงาม แต่ถ้าจะรบกันจริง ๆ จีนก็จะไม่ยอม ปัจจุบันจีนอาจจะไม่พอใจคิมจองอึนสักเท่าไหร่ แต่ต้องประเมินกันต่อไปว่าจีนมีขุนพลคนอื่นของเกาหลีเหนือที่จีนเชื่อใจมากกว่าหรือไม่ การประหารคนรอบข้างบ่อยครั้งของคิมอาจทำให้ผู้ท้าทายอำนาจนั้นยังไม่กล้าปรากฏ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จีนก็จะยังสนับสนุนคิมในลักษณะเช่นนี้

รัสเซียคงไม่เข้ามาช่วยอะไรมากนักในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะรัสเซียมีแนวรบหลายหน้าอยู่ในภูมิภาคอื่น และการที่จะเข้ามามีบทบาทเกินงามอาจเสียสัมพันธ์กับจีนและญี่ปุ่นได้ ญี่ปุ่นนั้นอาศัยข้ออ้างเรื่องเกาหลีเหนือพัฒนากองทัพ เพื่อแข่งกับจีนและผลักดันตนเองออกสู่โลกกว้าง ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ขณะที่แท้จริงแล้วเกาหลีใต้กลับเป็นผู้ที่ไม่ต้องการให้เกาหลีเหนือล่มสลายมากที่สุด เพราะตนเองจะเป็นผู้แบกรักภาระสาหัสในการฟื้นฟูเพื่อนร่วมสายเลือด รวมทั้งการรับมือผู้อพยพ การค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงในเปียงยางคือสิ่งที่โสมขาวต้องการ

เราเห็นความกร้าวของแต่ละฝ่ายมาเยอะแล้ว และอาจมีลูกระเลียดต่อไปอีกระยะ แต่แทนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลันในเปียงยาง การกลับมาเจรจาหกฝ่ายกันกลับยังน่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า (แม้ว่าจะไม่ประกันว่าจะได้ผลลัพธ์อะไร) เพราะการที่ประดิษฐ์วาทกรรมและอวดโอ่แสนยานุภาพใส่กันนั้น ก็เพื่อความได้เปรียบบนโต๊ะเจรจาซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ในเวลาที่ดูอันตรายมากที่สุดอาจเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็ได้ครับ