Zipline ใช้โดรนส่ง “ยา-วัคซีน-โลหิต” ช่วยชีวิตคนนับล้าน

Zipline ใช้โดรนส่ง “ยา-วัคซีน-โลหิต” ช่วยชีวิตคนนับล้าน

หลายท่านอาจเคยได้ยินข่าวที่หลายๆ ประเทศเริ่มมีแนวคิดในการใช้ “โดรน” เข้ามาใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์กันมาบ้างแล้วนะคะ

วันนี้ดิฉันจะขอหยิบยกแนวคิดดีๆ ของกิจการเพื่อสังคมรายหนึ่ง ที่จะเรียกว่าเป็นรายแรกก็ว่าได้ที่หันมาใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมอย่างโดรนบังคับมาฝากกันค่ะ

กิจการเพื่อสังคมรายที่ว่านี้คือ Zipline (ซิปไลน์) จากสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งโดย เคลเลอร์ รีนาอูโด” หนุ่มชาวอเมริกันหัวคิดดีดีกรี MBA จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เล็งเห็นปัญหาว่า แม้ปัจจุบันทั่วโลกจะมีธุรกิจและบริการต่างๆ ทางด้านการแพทย์อยู่มากมาย แต่การให้บริการรักษาทางการแพทย์ได้อย่าง “ทั่วถึง” นั้นกลับเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากการขนส่งทางภาคพื้นดินเพื่อส่งเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลนั้นทำได้อย่างลำบาก มีต้นทุนสูง และทำได้ช้า ซึ่งปัญหาเบื้องหลังที่ใหญ่ที่สุดคือคุณภาพของถนน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนานั้นจำนวนถนนลาดยางนับว่ามีน้อยมาก ทำให้การสัญจรแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงฤดูฝนที่ถนนหลายสายถูกตัดขาด ทำให้ต้นทุนการขนส่งเวชภัณฑ์ในประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศในแถบแอฟริกา จึงมีต้นทุนสูงกว่าในประเทศพัฒนาแล้วถึง 2-3 เท่าตัว

นี่จึงเป็นที่มาของ Zipline ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดยมีภารกิจในการใช้โดรนบังคับในการขนส่งเวชภัณฑ์ฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ต่างๆ โดยนำร่องเป็นประเทศแรกในรวันดาทวีปแอฟริกา โดยZiplineมีระบบการทำงานคือ เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ส่งใบคำสั่งซื้อทางอีเมลหรือ SMS หลังจากนั้นไม่กี่นาทีทีมงาน Zipline จะจัดเตรียมเวชภัณฑ์และนำส่งได้ทันทีด้วยโดรนบังคับ ซึ่งจะบินด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ไปถึงได้เร็วกว่าและราคาถูกกว่าการขนส่งด้วยวิธีอื่น (และไม่จำเป็นต้องมีนักบินอีกด้วย) โดยสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ภายใน 15-35 นาที และการขนส่งที่ทำได้อย่างรวดเร็วยังทำให้ไม่ต้องมีระบบรักษาความเย็นที่มีต้นทุนมหาศาลอีกด้วย

โดยอัตราค่าขนส่งของ Zipline มีสนนราคาเที่ยวละ 15-45 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 500–1,500 บาท) ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก ความฉุกเฉิน ระยะทาง และมูลค่าของเวชภัณฑ์ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะมีต้นทุนถูกกว่าการขนส่งทางบกราว 20% ขณะที่ส่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 20 เท่า

นอกจากนี้ โดรนทั้งหมดจะบินโดยใช้ระบบติดตามที่ทำให้สามารถค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด และยังติดตามการขนส่งจนกว่าจะสำเร็จ โดยเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ยาและเวชภัณฑ์ที่สั่งจะถูกถ่ายลงจากโดรนด้วยร่มชูชีพขนาดเล็ก และลงถึงพื้นที่ของโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าอย่างแม่นยำ โดยที่ผ่านมา Zipline ได้ให้บริการขนส่งเวชภัณฑ์ไปแล้วถึงกว่า 7,000 เที่ยว

ปัจจุบัน Zipline ได้ร่วมมือกับรัฐบาลรวันดาขนส่งเวชภัณฑ์ต่างๆ อาทิ โลหิตและวัคซีน ไปยังโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์จำนวน 20 แห่งทั่วประเทศเพื่อขนส่งยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ ในกรณีฉุกเฉินซึ่งเท่ากับสามารถย่นระยะเวลาการรักษาให้เร็วขึ้นสำหรับชาวรวันดานับล้านคน

นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Zipline ยังได้เปิดตัวศูนย์กระจายเวชภัณฑ์แห่งแรก และได้ทำสัญญากับรัฐบาลรวันดาเพิ่มเติมในการขนส่งเวชภัณฑ์อีก 8,600 เที่ยว ที่มีอาณาเขตครอบคลุมประชากรอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของรวันดาภายในปีแรก และในปีที่ผ่านมา Zipline ยังได้ร่วมกับมูลนิธิยูพีเอส (UPS) และองค์กรพันธมิตรโลกเพื่อวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันโรค หรือ GAVI เพื่อศึกษาแนวทางการใช้โดรนบังคับเพื่อจัดส่งเวชภัณฑ์ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกโดยทั้งสองหน่วยงานสนับสนุนเงิน 800,000 เหรียญสหรัฐฯ ในโครงการดังกล่าว โดยตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2011 เป็นต้นมา ปัจจุบัน Zipline สามารถระดมเงินทุนได้กว่า 44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกลุ่ม Venture Capitalist อย่าง Sequoia Capital, Andreessen, Horowitz และ Google Ventures

ผลตอบรับที่ดีในประเทศรวันดา ทำให้ Zipline มีแผนเปิดตัวศูนย์กระจายเวชภัณฑ์แห่งที่ 2 รวมถึงกำลังขยายกิจการเข้าไปในประเทศแทนซาเนียภายในครึ่งแรกของปี 2017 อีกด้วยและไม่น่าแปลกใจที่Zipline จะได้รับรางวัล Social Entrepreneurs of the year 2017 จาก The Schwab Foundation for Social Entrepreneurship ซึ่งเป็นองค์กรซึ่งดำเนินงานโดย World Economic Forum

การนำเอาปัญหาสังคมเป็นตัวตั้ง ผนวกกับนวัตกรรมที่นำมาตอบโจทย์ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ทำให้ Zipline ไม่ใช่แค่เพียงมอบเวชภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการมอบ อนาคตต่อชีวิตให้คนได้อีกนับล้านค่ะ...