ความปกติกับความสุข 

ความปกติกับความสุข 

ไทยแลนด์บ้านเราปีนี้ อากาศร้อนหนักหนาไม่แพ้ปีไหนๆ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยจำนวนมากมาย หนีร้อนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ 

ดูได้จากสิ่งที่ฟีดบนโลกโซเชียล แค่คนรอบๆ ตัวเรา ก็ใส่เสื้อผ้ากันหนาวไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ประเทศที่คนไทยฮิตไปเยือนตลอดกาลก็คือญี่ปุ่น ดินแดนที่อากาศเย็นสบาย มีสถานที่สวยงาม มีเสน่ห์ความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น อาหารการกินอร่อย มีของให้ชอปปิงเยอะ 

ที่สำคัญ ความเป็นคนคุณภาพ ซื่อสัตย์ น่ารัก มีน้ำใจ ของคนญี่ปุ่น เป็นตัวแปรสำคัญมาก ที่ทำให้ใครๆ ก็อยากและชอบที่จะไปเป็นอาคันตุกะ ณ ดินแดนอาทิตย์อุทัย โดยญี่ปุ่นน่าจะเป็นเมืองนอกไม่กี่ประเทศ ที่คนไทยไปเที่ยวซ้ำๆ ได้ไม่รู้เบื่อ     

การท่องเที่ยวเดินทาง เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่แสดงถึงความสุขของผู้ท่องเที่ยวและในขณะเดียวกัน ก็สะท้อนถึงความสงบเป็นปกติดีของสถานที่นั้นๆ เพราะแน่นอนว่าดินแดนใดก็ตามที่ประสบภัย หรืออยู่ในภาวะสงคราม ต่อให้งดงาม มีเสน่ห์ตรึงตรา น่าไปเยือนเพียงใด ก็ไม่มีใครอยากเสี่ยง 

ฉะนั้นหลายๆสถานการณ์ของชีวิต คำว่า ปกติ กับ สุข ก็เป็นคำเดียวกัน มนุษย์เราผู้ชอบแสวงหาความพิเศษ รังเกียจรังงอนความจำเจอันแสนจะปกติธรรมดา เมื่อต้องเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ชีวิตพบกับความยากลำบาก ไม่ปกติขึ้นมา จึงเข้าใจในคุณค่าของความเรียบจืดของชีวิตปกติที่เคยมี

      ในกระแสการท่องเที่ยวมากมายทั้งไทยเทศที่เป็นการบ่งบอกถึงความสุขสบายดีในชีวิตของหลายๆ คนนั้น ไม่ไกลจากประเทศญี่ปุ่น สถานที่สุดฮิตที่คนไทยถาโถมไปเที่ยวกันมากมายนั้น มีเจือด้วยข่าวสารความคุกรุ่นของสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีหลุดมาอยู่เป็นระยะ มีการคาดการณ์จากหลายๆ สื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ว่าความขัดแย้งของยักษ์ใหญ่มหาอำนาจโลกที่เพิ่งเปลี่ยนผู้นำใหม่ กับประเทศโสมแดง ว่าอาจทวีความรุนแรงประทุเป็นสงครามย่อยๆ หรือขยายใหญ่ 

แต่ที่แน่ๆ ด้วยอานุภาพของเทคโนโลยีขีปนาวุธวิถีไกลสมัยนี้ หากมีสถานการณ์ขึ้นมาจริงๆ ความเดือดร้อนเสียหาย จะส่งผลไปในวงกว้าง ซึ่งแน่นอนว่าประเทศท่องเที่ยวสุดฮิตที่หลายๆ คนกำลังท่องเที่ยวอย่างสนุกสุขสุดๆ อย่างเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ย่อมได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงโดยทันที แล้วความสุขที่กำลังเสพ ก็จะแปลสภาพเป็นความทุกข์แสนสาหัสอันไม่อาจประเมินได้

จึงมีภาพความขัดแย้งกันอยู่กลายๆ บนโลกโซเชียล ภาพมวลใหญ่คือสีสันความสุขลั้นลาจากการท่องเที่ยวที่หลายคนต่างโพสต์กันมากมายไม่หยุดหย่อน กับความกังวลลึกๆ ของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ภาวนาว่าขออย่าให้สงครามความขัดแย้งอุบัติขึ้นเลยและขอให้สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างขู่ จะเป็นเพียง “คำขู่” ที่ไม่นำมาสู่ความจริง เพราะในที่นี้ ความจริง อาจเป็นสิ่งที่โหดร้ายเกินไป 

อย่างไรก็ตามแม้สังคมโซเชียลในหลายๆ ที่ทั่วโลกจะมีความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ แต่เชื่อว่าในสังคมออนไลน์แห่งการรับรู้ของผู้คนชาวโสมแดงเอง อาจจะเป็นอีกอย่าง มันจึงเป็นเหมือนโลกคนละใบ แม้จะมีเครือข่ายดิจิทัลเหมือนกันแต่สารที่ได้รับความรู้สึกนึกคิดต่อสถานการณ์เดียวกันอาจแตกต่าง

      เรื่องบางเรื่อง อาจยากที่ด่วนสรุป ใครดีใครไม่ดี ก็ยากที่จะตัดสิน เมื่อไม้บรรทัดของแต่ละคนแต่ละสังคม สามารถที่จะแตกต่างกันได้ แต่ถึงที่สุดแล้ว ถ้าทั้งโลกของเราทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ มีความ“ปกติสุข”ได้ นั่นคือสิ่งที่หลายๆ คน ปรารถนาที่สุด!