ครอบครัวเป็นสุข บ่มเพาะได้ ส่งต่อได้

ครอบครัวเป็นสุข บ่มเพาะได้ ส่งต่อได้

แม้ว่าเดือนเมษายน จะเป็นเดือนที่อุณหภูมิสูงสุด ไปไหนก็อากาศร้อน แต่จะว่าไปแล้วเดือนเมษายน น่าจะเป็นเดือนที่คนไทยมีความสุขมากที่สุดเดือนหนึ่ง

เพราะนอกจากจะเป็นวันสงกรานต์ เป็นวันปีใหม่ไทย ที่เต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำ ของบรรยากาศเล่นน้ำ ที่สมาชิกของแต่ละครอบครัวจะทยอยกันเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ใหญ่เพื่อขอพร รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ด้วยน้ำอบและมะลิหอมๆ เดือนนี้ยังเป็นวันครอบครัว และวันผู้สูงอายุ ที่แต่ละครอบครัวจะถือวันนี้เป็นโอกาสพิเศษ โดยบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความสุข เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งลูกหลานและผู้สูงอายุ

อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดคุณค่าและการปฏิบัติ ในการดูแลเอาใจใส่ และการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อผู้สูงอายุ นั้นเป็นสิ่งที่สร้างได้ ปลูกฝังได้ และส่งต่อได้ทีเดียว ซึ่งในครอบครัวที่มีคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือคุณชวดยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นโอกาสที่ลูกหลานตัวน้อยๆ จะได้มีโอกาสในการเรียนรู้คุณค่าที่ดีงามของการเป็นครอบครัว ฉบับนี้ขอยกตัวอย่างจากเรื่องใกล้ตัว ซึ่งแม่ของผู้เขียน หรืออาม่าของหลานๆ เหลนๆผู้เป็นศูนย์รวมใจของทุกคนนั้นมาตลอดนั้น 

ปัจจุบันแม้ร่างกายไม่แข็งแรง ก็ยังทำหน้าที่ส่งต่อคุณค่าความงดงามของความเป็นครอบครัวให้กับหลานๆ โดยเด็กๆ ที่ติดตามพ่อแม่มาดูแล อาม่าของพวกเขาในวันหยุด ได้ซึมซับ วิถีการดูแลซึ่งกันจากรุ่นสู่รุ่น แม้ในช่วงแรกๆ จะไม่เต็มใจช่วยนัก เพราะอยากไปเที่ยวเล่นมากกว่า แต่เมื่อได้เห็นต้นแบบที่ดี ก็เริ่มขอมีส่วนร่วมในการดูแลอาม่าของพวกเขา เกิดเป็นคุณค่าในตัวเอง ที่ทำให้วัยซนทั้งหลายยิ้มกว้าง เมื่อได้รับคำชมว่า เป็นเด็กกตัญญู เก่งมาก 

กล่าวถึงอาม่า ในเดือนที่มีวันผู้สูงอายุ และวันครอบครัว อีกสิ่งที่ผู้เขียนอยากเล่าถึง คือหลักคิดคำสอนของอาม่า ที่ท่านใช้อบรมบ่มเพาะ สอนสั่ง ลูกหลาน อันส่งผลดีต่อท่านในบั้นปลาย ทำให้ชีวิตในยามป่วย ท่านก็มีกำลังใจที่ดี แวดล้อมด้วยลูกหลาน ส่งผลทำให้ท่านมีอาการดีขึ้นจากอาการเจ็บป่วยอย่างรวดเร็ว เช่นจากมือที่ขยับไม่ได้ กำสิ่งของไม่ได้ ลุกยืนไม่ได้ ก็เริ่มกลับมาแข็งแรง ใช้งานได้ดีขึ้น

อาม่าหรือแม่ของผู้เขียนนั้น ท่านเป็นชาวจีน ท่านเล่าว่า มาเมืองไทยตอนอายุ 7 ขวบ กระโดดขึ้นเรือสำเภามากับพี่สาว และแม่ วิ่งเล่นไปมาอยู่บนเรือนานนับเดือนกว่าจะถึงประเทศไทย ความลำบากที่ท่านได้เจอในแต่ละช่วงชีวิต จึงเป็นเรื่องชิลๆ ในสายตาท่าน ไม่ว่าจะต้องสู้ชีวิตมาแล้วกี่อาชีพ ต้องรับจ้าง ต้องแข่งกับเวลาขายก๋วยเตี๋ยวให้เด็กๆ ช่วงเที่ยงที่โรงเรียน รวมถึงต้องผ่านช่วงสงคราม ต้องหาบข้าวแกงขาย ต้องตื่นแต่เช้าไปนั่งขายของในตลาด เรียกว่าทำงานสารพัด เพื่อเลี้ยงครอบครัว แต่ก็ผ่านวิกฤติแต่ละช่วงมาได้อย่างอดทน แม้ว่าจะมีลูกมากถึง 12 คนและบิดาของผู้เขียนมาด่วนจากไปเมื่อลูกคนสุดท้องอายุเพียง 1 ขวบ 

ผู้เขียนพบว่านอกจากความอดทนแล้ว หลักในการใช้ชีวิตและสิ่งที่ท่านปลูกฝังลูกหลานบ่อยมากที่สุด ก็คือ ให้ทุกคนมีความรักสามัคคีกันโดยท่านย้ำเสมอว่าพี่น้องต้องรักกัน พี่ใหญ่ต้องดูแลน้อง เมื่อใครลำบาก อีกคนก็จะต้องช่วยเหลือ โดยพี่ๆ 6 คนแรกยินดีเสียสละ ไม่เรียนต่อเพื่อไปทำงานหาเงินส่งให้น้องอีก 6 คนที่เหลือได้เรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัย

โดยท่านมักจะยิ้มสดใสเสมอเมื่อเห็นลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้า มาทานข้าวด้วยกัน การปลูกฝังความสามัคคีให้ลูกหลานตลอดนี้ ทำให้เมื่อโตขึ้นทุกคนช่วยเหลือกันในทุกๆเรื่อง และที่สำคัญสุดคือ การร่วมแรงร่วมใจ แบ่งหน้าที่ เพื่อดูแลแม่ในยามป่วยอย่างเป็นทีม เช่น พี่ชายกับพี่สะไภ้คนที่ 6 รับหน้าที่มารับแม่ไปทำกายภาพ ลูกคนที่ 11-12 รับหน้าที่มาช่วยอาบน้ำ โดยพาลูกๆมาช่วยหวีผม ป้อนข้าว คั้นน้ำส้ม ทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ลูกสาวคนที่ 5 เสียสละไม่ทำงานอื่นมาช่วยดูแลแม่เต็มเวลา ขณะที่พี่น้องคนอื่นๆ ช่วยกันออกค่าใช้จ่ายทดแทนให้ ลูกชายคนที่ 8 เป็นวิศวกรรับอาสาปรับปรุงบ้านให้ขึ้นลงง่าย สะดวกต่อการดูแล หลานสาวที่ได้รับการปลูกฝังเรื่องความกตัญญูมาตั้งแต่เด็กอาสาทำหน้าที่นอนเฝ้าดูแลทุกเรื่อง ส่วนผู้เขียนอยู่ไกลจากบ้านที่เชียงใหม่ แม้ไม่ได้เดินทางไปบ่อยๆ แต่พี่น้องก็เข้าใจไม่ต่อว่าใดๆ

อีกหลักคิดที่ขอเล่าเพิ่มเติม คือ การปลูกฝังให้แต่ละคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่ ช่วยเหลือกันทำงานบ้าน เช่น พี่ใหญ่ต้องไปตักน้ำจากกลางชุมชนมาให้น้องๆ อาบ ส่วนเด็กๆ ก็ต้องรู้จักทำงานบ้าน เก็บโต๊ะล้างจานเมื่อทานอาหารเสร็จ โดยแบ่งหน้าที่และจัดเวรกัน เช่นบางวันคนที่ 7-8 ถูบ้าน คนที่9-10 ก็ต้องทำหน้าที่ล้างจานต่อ การได้รับการบ่มเพาะเรื่องความสามัคคี และฝึกช่วยเหลือกันทำงานกันมาต่อเนื่อง ก่อเกิดเป็นทีมเวิร์คที่ดีและลงตัว โดยทุกคนต่างเต็มใจที่จะทำหน้าที่ ซึ่งรางวัลของทีมเวิร์ค กลายเป็นความสุข เป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นอาการเจ็บป่วยของแม่ดีขึ้น ในเดือนที่มีวันผู้สูงอายุ วันครอบครัว และวันปีใหม่ไทย 

ผู้เขียนขออวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสดชื่นสดใส มีความสามัคคี และมีความสุขกันทุกคนนะคะ