ยกเครื่อง 'สมองชาติ' รับภารกิจยุทธศาสตร์ 20 ปี

ยกเครื่อง 'สมองชาติ' รับภารกิจยุทธศาสตร์ 20 ปี

หากเปรียบประเทศไทยเป็น 1 องคาพยพที่มีส่วนต่างๆ ประกอบขึ้นมาเป็นร่างกาย

        ส่วนที่เป็นสมองซึ่งถูกวางหน้าที่โดยตรงให้คิดวิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลออกมาเป็นแผนพัฒนา และนโยบายต่างๆคือหน่วยงานที่ชื่อว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สภาพัฒน์” 

       ในอดีตสภาพัฒน์เป็นหน่วยราชการแถวหน้าแม้แต่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็เล่าว่าหลายสิบปีก่อนเขาก็เคยมาสมัครงานที่นี่ เพราะสมัยนั้นน.ศ.ที่จบเศรษฐศาสตร์แทบทุกคนใฝ่ฝันว่าจะมาทำงานที่สภาพัฒน์

       ชื่อเสียงของสภาพัฒน์ในอดีต จึงไม่ใช่แค่หน่วยงานที่ทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่เป็นหน่วยงานที่เป็น ‘Think Tank’ เป็นสมองของชาติ สามารถนำเสนอนโยบาย หรือโครงการสำคัญที่เปลี่ยนแปลงและยกระดับประเทศได้ เช่น โครงการอีสเทิร์นซีบอ์ด ซึ่งพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องนับสิบๆปี

       อย่างไรก็ตามในระยะหลังบทบบาทของสภาพัฒน์ในการเสนอแนะนโยบายสำคัญให้กับรัฐบาลเริ่มลดลง แม้แต่รองนายกฯเศรษฐกิจก็เปรยออกมาดังๆว่าในรอบปีที่ผ่านมาไม่เห็นนโยบายเศรษฐกิจออกมาจากสภาพัฒน์ มีแต่ออกมาจากคณะทำงานของรัฐบาล

       แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะโทษสภาพัฒน์แต่ฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ต้องโทษไปยังรัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาที่ใช้สภาพัฒน์ไม่ถูกวิธี การที่ใช้งานสภาพัฒน์ในงานทั่วๆไปมอบหมายให้เป็นเลขานุการ และคณะกรรมการรวมกันกว่า 600 ชุด ทำให้สมอง (ของชาติ) แทบไม่มีเวลาไปคิดหรือวางแผนในเรื่องระยะยาว ด้วยกำลังคนที่มีอยู่เพียง 518 คน และงบประมาณที่มีอยู่เพียง 500 - 600 ล้านบาทต่อปีการทำงานของสภาพัฒน์จึงเต็มไปด้วยข้อจำกัด 

       ถือเป็นโอกาสในวิกฤติเช่นกัน เมื่อภารกิจที่จะเพิ่มขึ้นของสภาพัฒน์ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มอบหมายให้สภาพัฒน์เป็นสำนักงานเลขาฯ ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับโครงสร้างเปลี่ยนแปลงสภาพัฒน์ขนานใหญ่ เพื่อให้รองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้น 

โจทย์ใหญ่ก็คือการทำอย่างไรให้หน่วยงานนี้ กลับมาทำหน้าที่หลักในการเป็นสมองของประเทศ ทำหน้าที่คิดวางแผนเพื่ออนาคต และเป็นการคิดอย่างมีวิสัยทัศน์ สามารถที่จะชี้นำทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงของโลกได้ในระยะ 20 - 50 ปี 

       การปรับโครงสร้างของสภาพัฒน์จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน เพราะเกี่ยวข้องกับการวางยุทธศาสตร์ประเทศในระยะ 20 ปี ในงานปฏิรูปที่จะทำไปควบคู่กับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติสภาพัฒน์ จะมีบทบาททั้งเป็นทั้งต้นหนที่กำหนดทิศทางเดินเรือ และเป็นคนคัดท้ายเรือให้เดินไปถูกทิศเพื่อไปสู่เป้าหมาย