สรุปภาพการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์มุมมองการการลงทุน

สรุปภาพการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์มุมมองการการลงทุน

สรุปภาพการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์มุมมองการการลงทุน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างผันผวน วันนี้ผมอยากถือโอกาสนำเสนอข้อมูลภาพการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ลงทุนต่าง ๆ ในช่วงไตรมาส 1 พร้อมสรุปปัจจัยสำคัญๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของตลาดเงินตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมุมมองของการลงทุนในช่วงไตรมาส 2 เพื่อเป็นแนวให้กับท่านผู้อ่านในการปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวนนี้

โดยสรุปภาพความเคลื่อนไหวในช่วงไตรมาส 1 นั้นโดยรวมสินทรัพย์เกือบทุกประเภทให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยง สาเหตุหลักมาจากการที่ตลาดปรับลดการคาดการณ์ความร้อนแรงของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐลงจากเดิมที่คาดว่าเฟดจะขึ้นมากกว่า 3 ครั้งลงมาเป็นประมาณ 3 ครั้ง ทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าไปยังตลาดเกิดใหม่ และตลาดพันธบัตร โดยในไตรมาส 1 ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลง ร้อยละ 1.8 ในขณะที่ค่าเงินบาทไทยปรับแข็งค่าขึ้น ร้อยละ 4.1 ด้านสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆนั้นตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาให้ผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 11 ตามมาด้วยทองคำที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 8.4 ส่วนผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกวัดจากดัชนี MSCI World ให้ผลตอบแทนที่ร้อยละ 5.9 ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว ด้านสินทรัพย์ที่ค่อนข้างปลอดภัยเช่นกลุ่มตราสารหนี้นั้น ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน โดยดัชนี BBG Emerging Sovereign Bond ให้ผลตอบแทนในไตรมาส 1 ที่ร้อยละ 4

หากมาดูในแง่ของผลตอบแทนของตลาดหุ้นหรือกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์โดยเฉพาะกลุ่มย่อยประเภท BioTech โดยดัชนี MSCI World HealthCare Tech มีการปรับตัวขึ้นสูงถึงร้อยละ 15.4 และกลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยดัชนี MSCI World EQ & Sup มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 กลุ่มธุรกิจที่มีการเคลื่อนไหวสูงตามมาได้แก่กลุ่มเทคโนโลยี่ โดยดูได้จากดัชนี MSCI ACWI/Info Tch ที่ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 12.7 และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นร้อยละ 9.8

ด้านการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดหุ้นโลกแต่เมื่อเทียบกับตลลาดหุ้นของประเทศเพื่อนบ้านหรือตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่นับว่าน้อยกว่าค่อนข้างมาก โดยดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 (เทียบกับดัชนี MSCI Emerging ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11) ในขณะที่ดัชนี SET50 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าเล็กน้อยที่รัอยละ 3.28 กลุ่มหุ้นที่ฉุดดัชนีจะเป็นหุ้นขนาดเล็กวัดจากดัชนี FTSE Small ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.28 ในขณะที่หุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลสูงมีการปรับตัวโดดเด่นสุดวัดจาก SETHD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.19

สำหรับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2 นั้น มุมมองยังอยู่ที่ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโตค่อนข้างเด่นชัด แม้ว่าจะมีความตึงเครียดระหว่างภูมิภาคเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ ทำให้ความผันผวนของสินทรัพย์เสี่ยงสูงขึ้น แต่ยังเชื่อว่าภาวะความขัดแย้งไม่น่าจะขยายตัวรุนแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้น การลงทุนในระยะกลางถึงยาวนั้นสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ยังคงน่าสนใจต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา กองทุนที่น่าสนใจได้แก่ กองทุน SCBEMEQ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกและมีสไตล์การบริหารเชิงรุก เป็นต้น ด้านตลาดหุ้นไทยซึ่งมีการปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสที่ 1 แต่ยังนับว่าน้อยกว่าตลาดของกลุ่มประเทศใกล้เคียงทำให้ยังคงความน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กองทุน TMB50 ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าและการประกาศผลประกอบการ หรือกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ในช่วงไตรมาส 1 มีการปรับตัวลดลง เช่น กองทุน KMidSmall ของค่ายกสิกรไทย ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีการเติบโตของผลกำไรที่ดี เป็นต้น สำหรับกลุ่มเฮลท์แคร์นั้นกลุ่ม Biotechnology ยังน่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง กองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนใน sector นี้ ได้แก่ กองทุน SCBGHC / T-Healthcare / KF-HEALTHD เป็นต้น ส่วนกองทุนประเภท REITs นั้นผลตอบแทนในไตรมาส 1 ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมีการปรับตัวลงร้อยละ 1.7 แต่คาดว่าตลาดน่าจะสะท้อนภาพการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปแล้วทำให้มุมมองการลงทุนของกลุ่มนี้ยังน่าสนใจอยู่ ซึ่งจะเป็นการชดเชยต่ออัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลที่มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ

ท้ายสุดนี้ผมก็อยากให้นักลงทุนให้ความสำคัญต่อการกระจายความเสี่ยงและมีการติดตามภาวะความเคลื่อนไหวของข่าวสารที่สำคัญและขอให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านโชคดีกับการลงทุนครับ