หรือจีนจะตัดเชือกเกาหลีเหนือ?
ภาพถ่ายทางอากาศนี้เห็นเรือขนสินค้าหลายลำ กลับไปมาท่า “นัมปู” ของเกาหลีเหนือ
ส่วนใหญ่ขนถ่านหินเต็มพิกัด
ข่าวบอกว่าเป็นเรือสินค้าที่ขนถ่านหินเกาหลีเหนือไปจีน แต่ถูกส่งกลับมาโดยไม่ได้มีการขนถ่ายลงที่ท่าของจีน
เพราะจีนประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะเลิกสั่งเข้าถ่านหินจากเกาหลีเหนือจนถึงสิ้นปีนี้
ศุลกากรจีนมีคำสั่งเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ให้บริษัทจีนทั้งหลายที่เคยสั่งซื้อถ่านหินจากเกาหลีเหนือ ให้ส่งสินค้านั้นกลับไปยังต้นตอเสีย เพื่อเป็นการยืนยันนโยบายของจีนในเรื่องนี้
วงการระหว่างประเทศตีความว่า นี้คือมาตรการของปักกิ่งในการ “ลงโทษ” เปียงยางที่ในช่วงหลังไม่ค่อยจะฟังเสียงจากพี่ใหญ่นัก ยังคงทดลองขีปนาวุธและนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องทั้งๆ ที่เพื่อนผู้พี่ได้พยายามจะกล่อมให้เพื่อนผู้น้องเพลาๆ เรื่องนี้ลง
ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศมายาวนาน ตั้งแต่ยุคคิมอิลซุงที่ก่อตั้งเกาหลีเหนือ มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับประธานเหมาเจ๋อตุงของจีน เพราะเป็นสหายร่วมรบกับสหรัฐ และเกาหลีใต้มาแล้วในช่วง 1950-53
ในยุคนั้น ไม่ว่าเกาหลีเหนือทำอะไรจีนจะปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในหรือนอกสหประชาชาติ
แต่ระยะหลังนี้สัญญาณความระหองระแหง เริ่มปรากฏขึ้นเมื่อโสมแดงเริ่มพัฒนาขีปนาวุธ และนิวเคลียร์อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ปักกิ่งรู้สึกไม่สบายใจเพราะไม่อาจจะแน่ใจได้ว่าคิมจองอึนจะเอามาใช้เพื่อการใด... ถึงจุดที่จีนเองก็ไม่แน่ใจว่าเปียงยางจะฟังเสียงของปักกิ่งหรือไม่
สหรัฐได้พยายามบอกให้จีน “กล่อม” เกาหลีเหนือให้กลับสู่การเจรจาหกฝ่ายที่เกาหลีเหนือยุคคิมจองอิล (พ่อของคิมจองอึนปัจจุบัน) ล้มโต๊ะ เพราะไม่ยอมรับเงื่อนไขของการต่อรอง
หลังจากนั้นเปียงยางก็ฟังจีนน้อยลงตามลำดับ แต่สหรัฐก็ยังเชื่อว่าจีนยังมีอิทธิพลเหนือเกาหลีเหนืออยู่
เพราะจีนเป็นชาติเดียวที่น่าจะพูดกับเกาหลีเหนือรู้เรื่องที่สุด
แต่สัญญาณแรกๆ ที่ชัดเจนว่าปักกิ่งกับเปียงยางเริ่มจะรู้สึกแปลกแยกต่อกัน เมื่อจีนยอมยกมือสนับสนุนมติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยคณะมนตรีความมั่นคง พร้อมกับรัสเซียที่เคยเป็นสองชาติที่โอบอุ้มเกาหลีเหนือมาตลอด
โดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าตลอดว่า จีนจะต้องช่วยแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ แต่จีนก็พยายามจะบอกกับสหรัฐว่าปัญหานี้ จะแก้ได้ก็ด้วยการที่อเมริกาต้องถอยจากจุดยืนเดิม เพื่อไม่ให้เปียงยางมีข้ออ้างว่าวอชิงตันต้องการจะรุกรานและโค่นคิมจองอึนลงจากเก้าอี้
สี จิ้นผิงไปเยือนอเมริกาเมื่อสัปดาห์ก่อน ทรัมป์ก็ยกเรื่องนี้เป็นหัวข้ออันดับหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่มีข้อตกลงอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะเสร็จจากการประชุมสุดยอดแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศเร็กซ์ ทีเลอร์สันของสหรัฐก็ยังบอกว่าหากจีนไม่สามารถประสานกับอเมริกา เพื่อจัดการกับเกาหลีเหนือได้ “เราก็จะเดินตามแนวทางของเราโดยไม่ต้องมีจีน”
ทรัมป์สำทับจุดยืนนี้ด้วยการส่งข้อความทวีตขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
ประกอบกับทรัมป์ได้สั่งถล่มซีเรียด้วยขีปนาวุธด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เกิดความเชื่อว่าผู้นำสหรัฐคนนี้ อาจจะโจมตีเกาหลีเหนือเอง โดยไม่ขอความเห็นชอบจากจีนหรือรัสเซีย หรือแม้แต่สภาคองเกรสของตนเอง
พอมีข่าวว่าทรัมป์ยกหูโทรศัพท์ไปคุยกับสี จิ้นผิง หลังจากสั่งให้เรือบรรทุกเครื่องบินยักษ์ USS Vinson กลับหัวเรือไปประจำการประชิดคาบสมุทรเกาหลี ก็มีข่าวลือข่าวปล่อยว่าสงสัยปักกิ่งจะขยิบตาข้างเดียว ยอมให้สหรัฐถล่มเกาหลีเหนือได้
ผู้นำจีนคงกลัวว่าจะมีคนเชื่อข่าวลือชิ้นนี้ จึงออกข่าวผ่านสื่อทางการว่าสี จิ้นผิง บอกกับทรัมป์ในการคุยกันทางโทรศัพท์ว่า ขอให้มีการแก้ปัญหาอย่างสันติและหาทางทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์เสีย
แต่ผมจะไม่แปลกใจหากเกาหลีเหนือ จะทดลองขีปนาวุธหรือนิวเคลียร์รอบใหม่ ในช่วงนี้เพื่อตอกย้ำว่าเขาไม่กลัวแม้สหรัฐ จะส่งกองเรือรบใหญ่มาล้อมคาบสมุทรเกาหลีไว้
ไม่กลัวสหรัฐไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคิมจองอึน แต่การแสดงออกที่ไม่เกรงใจจีนเลยนี่ ต้องถือว่าเป็นการตัดเชือกความผูกพันเปลาะสุดท้ายกับจีน
คิมจองอึนพร้อมจะโดดเดี่ยว... ซึ่งก็ยิ่งทำให้สถานการณ์โลก เข้าสู่ภาวะความเสี่ยงสูงขึ้นอีกหลายระดับ!