มุมมองจาก Grameen Bank ในการแก้หนี้นอกระบบ (ต่อ)

มุมมองจาก Grameen Bank ในการแก้หนี้นอกระบบ (ต่อ)

Grameen Bank ให้บริการสินเชื่อขนาดเล็กกับคนยากจน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง (ร้อยละ95)

ดร.โมฮัมมัด ยูนุส เชื่อว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่น่าเชื่อถือที่สุดในการกู้ยืม มีความรับผิดชอบสูง ทำงานหนักและใช้เงินคืนตามสัญญาเสมอ ยกเว้นเพียงบางกรณีที่เกิดปัญหาในครอบครัวเท่านั้น ลูกค้าของธนาคารต้องรวมตัวกันสร้างกลุ่มของตนขึ้นมา กลุ่มละ 5-6 คน โดยสมาชิกในกลุ่มจะได้รับเงินกู้เป็นลำดับ 

สมาชิก 2 รายแรกจะได้รับเงินกู้ไปก่อน ภายหลัง 2 รายแรกเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สมาชิก 2 รายถัดไป จึงจะได้รับเงินกู้เป็นลำดับถัดไป โดยหัวหน้ากลุ่มจะได้รับเงินกู้เป็นรายสุดท้าย ผู้กู้จะจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายสัปดาห์ สมาชิกในกลุ่มต้องช่วยกันดูแลมิให้ผิดนัดชำระหนี้ การกู้ยืมในลักษณะนี้เรียกว่าระบบ Solidarity Group สมาชิกในกลุ่มต่างคนต่างรับรู้ซึ่งกันและกัน ประกันรับรองแก่กันและกัน เอื้ออาทร ช่วยเหลือดูแลกันและกัน สนับสนุนการงานกัน เพื่อให้สามารถใช้เงินคืนได้ กลุ่มต้องเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่นที่รออยู่อีกมากมายสามารถกู้ยืมได้

สาขาของ Grameen Bank ตั้งอยู่ในชนบท ไม่เหมือนกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไปที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมือง หลักการข้อแรกของ Grameen Bank คือลูกค้าไม่ควรไปหาธนาคาร ธนาคารจะต้องไปหาลูกค้า พนักงานของธนาคารนับหมื่นต้องเดินทางไปให้บริการลูกค้ากว่า 8 ล้านคน ในหมู่บ้านกว่า8หมื่นแห่งทั่วประเทศทุกสัปดาห์ แม้ธนาคารต้องมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่สูง แต่ก็ทำให้พนักงานได้ใกล้ชิดลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจ อำนวยความสะดวกลูกค้าในการชำระคืนเงินกู้ ลูกค้าของ Grameen Bank มีการประชุมในหมู่บ้านทุกสัปดาห์เพื่อชำระเงินกู้ เมื่อมีสมาชิกในกลุ่มผิดนัด ธนาคารยอมเลื่อนการชำระหนี้ออกไป ไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัด และจะหยุดคิดดอกเบี้ยทันทีที่ยอดดอกเบี้ยสูงเท่ากับเงินต้น มีการปรับระบบการจ่ายคืนด้วยการจ่ายทีละน้อย ตามความสามารถในการชำระหนี้ กรณีผู้กู้เสียชีวิต ธนาคารจะมีระบบประกันรองรับเพื่อชำระหนี้ สมาชิกในครอบครัวไม่ต้องรับภาระชำระหนี้

พัฒนาการของ Grameen Bank ที่เริ่มจากสินเชื่อรายบุคคล (micro credit) ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการทำวิสาหกิจ นำเงินกู้ไปซื้ออุปกรณ์เพื่อตั้งธุรกิจของตัวเอง เช่น การลงทุนเลี้ยงไก่เปิดร้านกาแฟ ร้านขายของชำ คนกู้เงินยังสามารถนำเงินไปใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซื้อของใช้ที่จำเป็นในครัวเรือนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูก หรือการรักษาพยาบาล เรียกได้ว่าเป็นธุรกรรมการเงินรายบุคคล ที่ให้บริการการเงินที่ครอบคลุมทั้งหมด (inclusive financial service)

ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปลายปี 2014 Grameen Bank มีพนักงานกว่า 21,000 คน มีสาขาทั่วประเทศ 2,568 สาขา ปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ยากไร้ในบังคลาเทศ กว่า 8.6 ล้านครัวเรือน ไม่น้อยกว่า 1.1 ล้านUSS ให้บริการครอบคลุม81,390ครัวเรือน ปล่อยเงินกู้เฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีละ30,000ล้านบาท Grameen Bankก่อตั้งด้วยกฎหมายพิเศษด้วยทุนจดทะเบียน ประมาณ50ล้านบาท รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นเริ่มแรกกว่าร้อยละ60 แต่ยอมลดสัดส่วนเหลือเพียงร้อยละ5.7 โดยยอมให้ลูกหนี้ที่ชำระคืนเงินกู้ตรงเวลาถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ90เพื่อให้เป็นธนาคารของคนจนอย่างแท้จริง มีตัวแทนเป็นกรรมการ9คน กรรมการที่เหลืออีก3คน เป็นตัวแทนจากรัฐบาล

ในช่วง 30 ปีแรกของการก่อตั้ง มีหนี้เสียต่ำกว่า 2 %ของสินเชื่อทั้งหมด ปัจจัยและกระบวนการแห่งความสำเร็จมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่องทุกปี ต่อมารัฐบาลได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ25และส่งตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการถึง 8 คน ในปี 2011 ดร.โมฮัมหมัด ยูนุส ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี2006 ถูกรัฐบาล บังคลาเทศกล่าวหาว่ามีการโยกย้ายเงินที่ผิดกฎหมาย จึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง

บทเรียนของ Grameen Bank ซึ่งเคยเป็นธนาคารเพื่อคนจนที่ดีที่สุดในโลก เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าศึกษา สำหรับโมเดลไมโครเครดิตในประเทศไทย ที่เคยทำมาแล้วกว่า 10 ปี ทั่งธนาคารประชาชนและกองทุนหมู่บ้าน แต่ยังไม่สามารถแก้ไขหนี้นอกระบบให้ลดน้อยลงได้ 

ตอนต่อไปผมจะนำประสบการณ์ที่เคยปล่อยสินเชื่อวงเงิน 2,000 บาท ตอนเป็นพนักงานสินเชื่อที่ชนบทของธนาคารกรุงไทย มานำเสนอเพื่อเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขหนี้นอกระบบครับ..