,มิกซ์ยูส,ยิ่งใหญ่ยิ่งยาก

 เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่สำคัญ ของวงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการประกาศเปิดตัว โครงการของผู้มาทีหลังแต่ละครั้ง “ยิ่งใหญ่กว่า” โปรเจคก่อนหน้าที่ต่างเน้นย้ำว่า “ใหญ่สุด” สมฐานะแลนด์มาร์คแห่งกรุงเทพฯ และประเทศไทย หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

ล่าสุดมาสเตอร์แพลน “วัน แบงค็อก” ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งค่ายเบียร์ช้าง วางแผนเนรมิตเมืองครบครันใหญ่ที่สุดในไทยบนที่ดิน (เตรียมทหารเดิม) ขนาด104 ไร่ มูลค่าลงทุน 1.2 แสนล้านบาท แล้วเสร็จส่วนแรกในปี 2564 โดยจะมีขนาดพื้นที่ถึง 1.8 ล้านตร.ม.เมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการในปี 2568 หรืออีกเกือบ 10 ปีข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ อภิมหาโปรเจคเมืองแห่งอนาคต “ไอคอนสยาม” ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ผู้บริหารและเจ้าของโครงการสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ผนึกความร่วมมือกลุ่มซีพี ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ สร้างปรากฎการณ์เมืองริมแม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นมิกซ์ยูสใหญ่สุด บนที่ดินกว่า 50 ไร่ มูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท พื้นที่  7.5 แสนตร.ม. เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กำหนดเดิมภายในสิ้นปี 2560 คาดว่าน่าจะขยับไปปีหน้า 

 เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของกลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มดุสิตธานี ประกาศความร่วมมือพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส บนที่ดินโรงแรมดุสิตธานีในปัจจุบัน ขนาด 23 ไร่ มูลค่า3.6 หมื่นล้านบาท แม้ในเชิงขนาดอาจด้อยกว่าคู่แข่งแต่ “ทำเล” โดดเด่นที่สุดจากจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ทีที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดและเอื้อต่อการเดินทางเข้าถึง ไม่นับรวมความเป็นแหล่งท่องเที่ยว การค้าเก่าแก่ของ “สีลม” ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก 

รอบ 4 มุมเมืองของกรุงเทพฯ มีการเกิดขึ้นของโปรเจคมิกซ์ยูส โดยเฉพาะโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่กำลังจะเกิดเมกะโปรเจคมิกซ์ยูส ไม่ว่าจะ “เมกาซิตี้”  บนที่ดิน 400 ไร่ ต่อยอดโครงการศูนย์การค้าเมกาบางนา ที่เปิดกว้างพันธมิตรผู้สนใจร่วมพัฒนาทุกรูปแบบ วางแผนพัฒนาต่อเนื่อง 14 ปีจากนี้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.7 หมื่นล้านบาท  

ขณะที่กลุ่มทุนไทย “เดอะมอลล์” ใช้เวลาหลายปีกว้านซื้อที่ดินบริเวณต้นถนนบางนา-ตราด ขนานถนนสุขุมวิท  พัฒนาโครงการ “แบงค็อก มอลล์”  ตรงข้ามกับศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท บนที่ดินกว่า 100 ไร่  คิดเป็นพื้นที่โครงการกว่า 6.5 แสนตร.ม. หากนับรวมพันธมิตรธุรกิจต่างๆ ที่จะเข้ามาเป็นแม่เหล็กคาดจะมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1 ล้านตร.ม. มูลค่าโครงการรวมเกือบ 3 หมื่นล้านบาท วางเป้าหมายเป็นโครงการชอปปิงมอลล์ใหญ่สุดในเอเชียหลังเปิดบริการแซงหน้าฟิลิปปินส์

“ซีคอนสแควร์” ศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนพื้นที่ 77 ไร่ บน ถ.ศรีนครินทร์ มีแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์ “ซีคอน ซิตี้” มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท บนที่ดิน 120 ไร่ ในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่เดิม ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบและรอจังหวะเดินหน้าลงทุน รองรับการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรง ตามเส้นทางจะวิ่งผ่าน ถ.ศรีนครินทร์ นับเป็นโอกาสและเอื้อต่อการลงทุนขนาดใหญ่

  การขยับลงทุนของผู้ประกอบการเสริมความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติทั่วโลกมีต่อประเทศไทยในฐานะเมืองที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียนและเอเชียไม่น้อย แต่หากมองย้อนกลับไป 20 ปีก่อน กรณีศึกษาชอปปิงมอลล์ขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นทั่วหัวระแหงของกรุงเทพฯ ล้วนผ่านจุดยากลำบากมาด้วยกันทั้งสิ้นเพราะฐานลูกค้าและกำลังซื้อโตตามไม่ทันปริมาณพื้นที่จำนวนมากที่ต้องเผชิญภาวะ “โหรงเหรง” กว่าจะ “พลิกกลยุทธ์-เปลี่ยนมือ” ผลักดันธุรกิจเติบโตสูงสุด บรรดา “มิกซ์ยูส” หน้าใหม่ทั้งหลายจะซ้ำรอยหรือไม่ต้องจับตามอง โครงการยิ่งใหญ่กว่าจะพลิกตัวก็ยิ่งยาก!!