จะไหวหรือ? คุยเรื่องเกาหลีเหนือบนสนามกอล์ฟ?
ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ คงจะได้เห็นภาพประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แห่งสหรัฐที่ฟลอริด้าอเมริกาแล้ว
ทรัมป์นัดสี จิ้นผิงที่ Mar-a-Lago ซึ่งเป็นรีสอร์ทเศรษฐี มีที่พักและสนามกอล์ฟหรูหรา แทนที่จะปิดประตูคุยกันในทำเนียบขาวที่วอชิงตัน ดี.ซี.
ผู้นำสองมหาอำนาจจะตีกอล์ฟกันหรือไม่เป็นประเด็นน่าสนใจ เพราะสี จิ้นผิงไม่ใช่คนใช้ “การทูตกอล์ฟ” ในการทำงานขณะที่ทรัมป์มีความภาคภูมิใจ ที่จะนำเสนอให้อาคันตุกะจากปักกิ่งเห็นว่าเขามีความมั่งคั่งเพียงใด เป็นผู้นำสหรัฐที่ไม่เหมือนคนก่อน ๆ อย่างไร
แต่สี จิ้นผิงต่อต้านการตีกอล์ฟ หนึ่งใน “กฎเหล็ก 8 ข้อ” ป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน ในแวดวงพรรคและรัฐบาลจีน คือห้ามตีกอล์ฟเพราะถือว่าเป็นกิจกรรมที่ล่อแหลม ต่อการสร้างเส้นสายและสินบน ระหว่างคนของรัฐกับพ่อค้าและคนอื่น ที่ต้องการสิทธิพิเศษจากผู้มีตำแหน่งในรัฐบาลและพรรค
ความจริง ทรัมป์กับสี จิ้นผิงมีเรื่องร้อนๆ ที่ต้องถกกันหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกาหลีเหนือ ดุลการค้า โลกร้อน ทะเลจีนใต้ ไต้หวัน การก่อการร้ายสากล ตะวันออกกลาง (โดยเฉพาะซีเรียและอิหร่าน) เป็นต้น
แต่ละหัวข้อล้วนมีผลต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก และมีผลต่อประเทศไทยเราทั้งสิ้น
ล่าสุด เกาหลีเหนือท้าทายรอบใหม่ด้วยการยิงขีปนาวุธอีกครั้ง ไปตกในทะเลญี่ปุ่น ขณะที่ “เจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาว” สองคนบอกนักข่าวมะกันว่าท่าทีของทรัมป์ต่อเกาหลีเหนือคือ “The clock is running out. All options are on the table”
ซึ่งแปลว่าเข็มนาฬิกากำลังเดินไปสู่จุดสิ้นสุด หรืออีกนัยหนึ่งคือความอดทนของวอชิงตันต่อเกาหลีเหนือกำลังจะหมดลง
ก่อนหน้านี้ทรัมป์เองประกาศว่าถ้าจีนไม่ช่วยกดดันเกาหลีเหนือ ให้หยุดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ “สหรัฐจะแก้ปัญหานี้เอง”
จะถือว่าเป็นการขู่หรือต่อรองหรือคุกคามจีนก็ย่อมได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีใครสามารถวิเคราะห์สภาพจิตของทรัมป์ได้ถูกต้อง
แม้นายทหารที่ควบคุมศูนย์บัญชาการ ว่าด้วยยุทธศาสตร์ที่มีหน้าที่ดูแลคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐเอง ก็ออกมาบอกว่าการแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ โดยไม่มีจีนมามีส่วนร่วมด้วยนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
การที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธล่าสุดก่อนสี จิ้นผิงไปอเมริกาเพียงสองวัน จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากจะเป็นการประกาศจากคิมจองอึนว่า “ฉันไม่กลัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐหรือจีน”
ยิ่งทรัมป์ใช้วาทะดุดันกับจีนมากเท่าไหร่, ก็ยิ่งทำให้ปักกิ่งมีความขุ่นเคืองหงุดหงิดมากขึ้นเพียงนั้น
ไปๆ มาๆ ผมเห็นว่าเกาหลีเหนือวันนี้กลายเป็นจุดที่อ่อนไหว และเปราะบางที่สุดในโลกวันนี้... น่ากลัวกว่าตะวันออกกลางด้วยซ้ำไป เพราะไม่มีใครสามารถจะพูดจาอะไรกับผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้อย่างรู้เรื่องได้เลย
สี จิ้นผิงพยายามวางตัวเป็น “ผู้ใหญ่” ที่แสดงอาการ “นิ่ง” ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับทรัมป์ที่ทำตัวเป็น “นักเลงปากซอย” แต่ลึก ๆ แล้วผมเชื่อว่าจีนมีแผนจะตอบโต้สหรัฐในหลายๆ รูปแบบ
หากพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง จีนก็มีวิธีการกดดันทรัมป์อย่างหนักหน่วงได้เช่นกัน อยู่ที่ว่าจะปล่อยกลยุทธ์ออกมาอย่างไร และทรัมป์จะรุกและถอยอย่างไร
แต่เริ่มต้นก็ประหลาดแล้วที่ทรัมป์จะคุยกันเรื่องเกาหลีเหนือกับสี จิ้นผิงในสนามกอล์ฟที่ฟลอริด้า
เหมือนพาดหัวบทวิเคราะห์ในนิตยสารอเมริกันล่าสุดที่บอกว่า Trump’s presidency is already a joke. But it’s no laughing matter.
แปลภาษาชาวบ้านแบบไทยๆ ได้ว่า “ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีเป็นเรื่องตลกจริงแท้... แต่มันเป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออก”