กลยุทธ์การลงทุนเดือนเมษายน

กลยุทธ์การลงทุนเดือนเมษายน

กลยุทธ์การลงทุนเดือนเมษายน

สวัสดีครับท่านนักลงทุน กลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อมาคุยกันเรื่องกลยุทธ์การลงทุนในเดือนเม.ย.ว่าท่านนักลงทุน ต้องเตรียมทำการบ้านอะไรกันบ้างในเดือนนี้

สำหรับปัจจัยที่จะเข้ามากระทบตลาดหุ้น ก็น่าจะมาจากประเทศสหรัฐฯ มีสองเรื่องหลักๆ คือ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ (FED) กับแนวทางการดำเนินนโยบายต่างๆของประธานาธิบดีทรัมป์

อย่างไรด็ตาม ช่วงปลายเดือนมี.ค. สุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ไม่สามารถผลักดันร่างกฏหมายประกันสุขภาพเข้าสู่สภาได้ สร้างความวิตกให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่

แต่ยังดีที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงของสหรัฐ ฯ ช่วยสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาวะเศรฐกิจ ช่วยลดความวิตกไปได้บ้าง

เดือนนี้ อยากชวนท่านนักลงทุน มาดูกันที่ กลุ่มธนาคาร โดยฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน กลุ่มธนาคารเป็น Overweight จาก Neutral เนื่องจากผลประกอบการที่ออกมาแสดงให้เห็นว่า คุณภาพหนี้มีแนวโน้มดีขึ้น และการเติบโตของสินเชื่อที่ชัดเจนใน 2H7และดีสุดในรอบ 4 ปี ส่วนเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นเซอร์ไพรส์เชิงบวกในระยะถัดไป อีกทั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มแบงก์ซื้อขายที่ PBV -1STD เพราะกังวลคุณภาพหนี้ แต่ในตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะปรับอัตราPBV ขึ้นมาเท่ากับค่าเฉลี่ยเดิม ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้มี upside อีก 20-30% จึงเห็นว่าหุ้นกลุ่ม Bank น่าสนใจ

มาถึงตรงนี้เลยอยากจะเขียนถึงคำนิยามของ คำแนะนำการลงทุน เพื่อนักลงทุนที่เพิ่งจะเริ่มการลงทุน จะได้เข้าใจครับ เวลานักวิเคราะห์แนะนำว่า BUY คือ ”ซื้อ” เพราะเนื่องมาจากราคาปัจจุบันต่ำกว่าปัจจัยมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน โดยคาดหวังผลตอบแทน 10% ถ้าแนะนำให้ HOLD คือ “ถือ” เนื่องจากราคาปัจจุบัน ต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน โดยคาดหวังผลตอบแทน 0-10%ถ้าแนะนำ SELL หมายถึง ”ขาย” เนื่องจากราคาปัจจุบันสูงกว่า มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ถ้าแนะนำให้ TRADING BUY หมายถึง ”ให้ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น” เนื่องจากมีประเด็นที่มีผลบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้น แม้ว่าราคาปัจจุบันจะสูงกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ถ้าแนะนำให้ OVERWEIGHT หมายถึง ”ลงทุนมากกว่าตลาด” เนื่องจากคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด ถ้าแนะนำว่า NEUTRALหมายถึง ”ลงทุนเท่ากับตลาด” เนื่องจากคาดหวังผลตอบแทนที่ เท่ากับตลาด ถ้าแนะนำให้UNDERWEIGHT หมายถึง”ลงทุนน้อยกว่าตลาด” เนื่องจากคาดหวังผลตอบแทนที่ ต่ำกว่าตลาด

ผมเชื่อว่า ถ้านักลงทุนเข้าใจในนิยามของคำแนะนำการลงทุนจะช่วยให้นักลงทุน กำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ดีขึ้น และปรับพอร์ตได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับคำแนะนำ

มาดูกันที่ภาพรวมเศรษฐกิจบ้านเรากันบ้าง ล่าสุด กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด พร้อมปรับเพิ่มการคาดการณ์ GDP ปีนี้ขึ้น จากเดิม 3.2% เป็น 3.4% หลักๆมาจากการที่ส่งออกดีขึ้น และยังคาดต่อว่านำเข้ายังหดตัว ทำให้เกิดบัญชีเดินสะพัดสูงขึ้น และด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจึงทำให้ค่าเงินบาทจะแข็งค่ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค และทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็น Safe Haven ของตลาดเอเชีย

มาดูกันที่การซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน เดือนมี.ค. (1-30 มี.ค.60) นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,891ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 19,146.77 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 183.65ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ23,221.42ล้านบาท จะเห็นว่าในเดือนมี.ค. ช่วงต้นเดือน นักลงทุนต่างประเทศขายมาตลอด แต่มาซื้อกลับในช่วงปลายเดือน ที่ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ในช่วงต้นเดือน เพราะฝรั่งยังเชื่อมั่นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ทำได้ แต่พอปลายเดือนเรื่องสำคัญไม่ผ่านสภา ฝรั่งก็หันกลับมาซื้อ

ในเดือนเม.ย. วันหยุดมากมาย การซื้อขายน่าจะเบาบาง แต่เดือนเม.ย.หุ้นมักชอบเป็นบวก แต่หุ้นจะขึ้นก็ขึ้นได้ไม่มาก 1,595 จุด น่าจะเป็นแรงต้านสำคัญ อย่างไรก็ตามหุ้นจะขึ้นได้แรง ถ้าผลประกอบการกลุ่มแบงก์ออกมาดี

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในเดือนเม.ย. ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เชื่อว่า SET น่าจะแกว่ง โดยในเดือนนี้ตลาดหุ้นมีแนวต้านอยู่ที่ 1,590 และ 1,595 จุด และแนวรับอยู่ที่ 1,565 จุด ดังนั้นให้นักลงทุน ซื้อหุ้นตอนตลาดลงครับ