เผยโฉม 'มือมีดแวมไพร์' ก่อการร้ายกรุงลอนดอน!
นี่คือ “มือมีด” ผู้ก่อเหตุร้ายหน้าตึกรัฐสภาอังกฤษที่กรุงลอนดอน
จนสร้างความตระหนกไปทั่วโลก
เป็นภาพจากสื่ออังกฤษที่ตำรวจเปิดเผย เห็นเขานอนนิ่งไม่ไหวติงหลังจากถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ณ จุดที่เกิดเหตุก่อการร้ายวันก่อน
ตำรวจอังกฤษต้องการให้สาธารณชนเห็นหน้า เพื่อจะได้ช่วยให้เบาะแสเพิ่มเติม ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายคนนี้อย่างไรบ้าง
เขาชื่อ Khalid Masood วัย 52 ซึ่งใช้มีดแทงนายตำรวจชื่อ Keith Palmer จนเสียชีวิตหลังจากขับรถพุ่งชนฝูงชน ริมทางเดินบนสะพานเวสมินสเตอร์ใกล้กับ Big Ben มีคนบาดเจ็บกว่า 40 คน ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย
ผู้ก่อการร้าย “เดียวดาย” คนนี้มีสมญานามว่าเป็น “แวมไพร์...ผีดูดเลือด” เพราะเพื่อนบ้านที่เมืองเบอร์มิงแฮมบอกว่า เขามักปรากฏตัวเฉพาะกลางคืนและแต่งชุดดำ
ตอนเด็กเขาชื่อ Adrian Elms ที่เมืองเคนท์ของอังกฤษ มีประวัตินิสัยดุดัน มักจะใช้มีดแทงคนที่เขาไม่ชอบหน้า
เขาหันหลังให้กับครอบครัวและเพื่อน และมักจะทำอะไรด้วยความรุนแรง ติดคุกสองครั้งเพราะทำร้ายคนอื่นด้วยมีด
ต่อมาเขาได้งานสอนภาษาอังกฤษที่ซาอุดีอาระเบีย และบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นคนที่ “เป็นมิตรและคบหาได้ง่าย”
เขาแต่งงาน มีลูกสามคน หย่าขาดภรรยา และใช้ชีวิตในหลาย ๆ เมืองของอังกฤษที่เชื่อว่าเป็นที่ซ่องสุมของผู้เข้าข่ายถูกสงสัยก่อการร้าย เปลี่ยนชื่อ 5 ครั้ง
เพื่อนบ้านของเขาที่เบอร์มิงแฮมบอกว่าเขาเป็นคน “แปลก ๆ” และมักเดินถนนกลางคืนในชุดสีดำ
เขาเคยถูกหน่วยข่าวกรอง MI5 สอบสวนแต่ได้รับการปล่อยตัวเพราะเชื่อว่าเป็นเพียง “ตัวเล็กตัวน้อย” ในขบวนการก่อความรุนแรง
เขาไม่ปรากฏใน 3,000 ชื่อที่ทางการอังกฤษขึ้นบัญชีเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะปฏิบัติการก่อการร้ายได้
ตำรวจไม่เชื่อว่าเขาทำงานครั้งนี้คนเดียว และคำให้การของผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 8 คนส่อไปในทางที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายก่อการร้ายสากลได้
คำประกาศของ ISIS ที่แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีนี้ ยังต้องตรวจสอบกันต่อไปว่าเป็นเรื่องจริง หรือเพียงการกล่าวอ้างเพื่อสร้าง “ผลงาน” ให้กับตัวเอง
แต่เมื่อ Khalid Masood ถูกตำรวจ “วิสามัญฆาตกรรม” ไป ณ ที่เกิดเหตุแล้วก็ทำให้การสอบสวนหาข้อเท็จจริง ให้ครบทุกด้านมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
แต่รูปแบบการปฏิบัติการ “โดด ๆ” หรือ lone wolf ใช้รถวิ่งเข้าใส่ผู้คนและใช้มีดวิ่งไล่แทงคนอย่างนี้ เคยเกิดมาแล้วที่เบอร์ลินของเยอรมัน นิซของฝรั่งเศสและมหาวิทยาลัย Ohio State
จึงน่าจะทำให้การสอบสวนเรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึงการก่อการร้ายก่อนหน้านี้ในประเทศอื่น ๆ ด้วย
ผลการสอบจะสรุปว่าเป็นการ “เลียนแบบ” หรือ “ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่” อีกไม่ช้าก็จะชัดเจน...อันจะนำไปสู่การป้องกันเหตุร้ายเช่นนี้ ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหนได้อีก!