ความสัมพันธ์จีน-เกาหลีใต้

ความสัมพันธ์จีน-เกาหลีใต้

เราได้เห็นข่าวอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการที่บริษัท Lotte ของเกาหลีใต้ กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

จากปฏิกิริยาของคนจีนที่ต่อต้านและคว่ำบาตรสินค้าของบริษัทดังกล่าว โดยข่าวล่าสุดรายงานว่าร้านค้าของบริษัท Lotte จำนวน 87 สาขาต้องปิดกิจการจากทั้งหมด 99 สาขา เพราะถูกคว่ำบาตรขายสินค้าไม่ได้ หรือถูกสั่งปิดเพราะทางการจีนประเมินว่า ฝ่าฝืนกฎหมายป้องกันอัคคีภัย (fire safety violations) นอกจากนั้นบริษัทท่องเที่ยวของจีนก็ยังได้รับคำแนะนำจากรัฐบาล มิให้ส่งคนจีนไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้อีกด้วย เกาหลีใต้ได้แสดงความเป็นห่วง และไม่พอใจและอาจนำการดำเนินการของจีนไปร้องเรียนกับองค์กรการค้าโลก (World Trade Organization) ต่อไปด้วย

ประเด็นที่ทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างมาก คือการดำเนินการติดตั้งระบบต่อต้านการโจมตีจากจรวดที่เรียกว่า Terminal High Altitude Area Defense หรือ Thaadของสหรัฐโดยบริษัท Lotteได้นำเอาที่ดินของตนมาแลกกับกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ เพื่อนำมาใช้ติดตั้งระบบต่อต้านการโจมตีดังกล่าว ทั้งนี้จีนมองว่าระบบ Thaad มีระบบเรดาร์ที่จะทำให้สหรัฐสามารถจะสอดแนมเข้าไปในอาณาเขตของประเทศจีนด้วย จึงจะเป็นผลเสียทางการทหารและความมั่นคงของจีน ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีใต้แย้งว่าจำเป็นจะต้องปกป้องประเทศของตนจากเกาหลีเหนือที่ได้พัฒนาจรวดพิสัยกลางและพิสัยไกล ซึ่งสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นแม้เกาหลีใต้และสหรัฐ จะพยายามโน้มน้าวให้จีนใช้อำนาจต่อรองกดดัน ให้เกาหลีเหนือให้ยุติการทดลองอาวุธดังกล่าว แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเพราะหน่วยข่าวกรองต่างๆ สรุปว่าเกาหลีเหนือใกล้จะสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้วและกำลังทดสอบยิงจรวดพิสัยกลางและพิสัยไกลอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งกำลังทำให้ทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและสหรัฐมีความกังวลอย่างมาก โดยล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐคนใหม่นาย Rex Tillerson ได้ประกาศในระหว่างการเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนว่า การใช้กำลังทางการทหารกับเกาหลีเหนือนั้น เป็นทางเลือกทางหนึ่งของสหรัฐ ในการประเมินยุทธศาสตร์เพื่อเผชิญกับภัยอันตราย จากการพัฒนาระบบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

จีนได้พยายามแสดงท่าทีกดดันเกาหลีเหนือในระดับหนึ่ง เช่นการแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการทดลองจรวดของเกาหลีเหนือ และการลดการสั่งซื้อถ่านหินจากเกาหลีเหนือ (การส่งออกของเกาหลีเหนือนั้น 80% ขายให้จีน เพราะเกาหลีเหนือจะถูกคว่ำบาตรจากเกือบทุกประเทศในโลก) และยังได้เสนอทางออกให้กับสหรัฐ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นว่า สหรัฐกับเกาหลีใต้ควรยุติทางซ้อมรบประจำปี และสหรัฐควรยอมมาร่วมเจรจาโดยตรงกับเกาหลีเหนือ เพื่อลดความตึงเครียดในภูมิภาคลง ซึ่งข้อเสนอของจีนนั้นสหรัฐได้ปฏิเสธไปโดยฉับพลันแล้ว เพราะมองว่าหากทำเช่นนั้นก็เท่ากับว่าสหรัฐยอมอ่อนข้อต่อการถูกคุกคามของเกาหลีเหนือ

ประเด็นสำคัญคือความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกนั้นน่าจะเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลบกับการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคได้ ทั้งในภาพรวมและในส่วนของการตอบโต้ทางการค้าของจีนต่อเกาหลีใต้ แม้ว่าบางคนจะมองการตอบโต้ดังกล่าวของจีนจะเป็นการแสดงแสนยานุภาพของจีน ทำให้ประเทศอื่นๆ ต้องเกรงกลัวและอาจประสบความสำเร็จตามความต้องการของจีน เพราะล่าสุด นาย Moon Jae-in ผู้ที่มีมีคะแนนนำ (จากการสำรวจคะแนนเสียง) ในการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม (หลังจากที่ประธานาธิบดี Park Geun-hye ต้องพ้นจากตำแหน่งไป) ก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะพิจารณาทบทวน (reconsider) การติดตั้งระบบ Thaad

แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้นก็มีการวิเคราะห์ว่ามาตรการตอบโต้ของจีนนั้นจะมิได้กระทบกับเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มากนัก เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของการนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ทั้งหมดโดยประเทศจีน ทั้งนี้สินค้านำเข้าที่สำคัญคือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง integrated circuits ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 25% ของการนำเข้าของจีนจากเกาหลีใต้ แต่จีนมีความจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนดังกล่าวในการผลิตโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้อื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจจีน ดังนั้นการส่งออกสินค้าของเกาหลีใต้ไปยังประเทศจีนจึงยังเพิ่มขึ้นสูงถึง 28.07% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แต่การดำเนินการของรัฐบาลจีนนั้นได้ส่งผลในเชิงลบต่อภาพพจน์ของจีน ในสายตาของคนเกาหลีใต้อย่างเห็นได้ชัด โดยผลสำรวจของ Asean Institute for Policy Studies พบว่าความนิยมชมชอบประเทศจีนของคนเกาหลีใต้ลดลงอย่างมากจาก 4.31 (จากคะแนนเต็ม 10) ในเดือนมกราคมมาเป็น 3.21 ในเดือนมีนาคม 2017 (จากที่เคยสูงสุดที่ 5.7 ในต้นปี 2016) และที่น่าเป็นห่วงคือต่ำกว่าความนิยมญี่ปุ่นที่ 3.33 เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าคนเกาหลีใต้มีความไม่พอใจการกระทำของญี่ปุ่นสมัยที่เคยยึดครองเกาหลีและบีบบังคับผู้หญิงเกาหลีให้บริการทางเพศให้กับทหารญี่ปุ่น (comfort women) โดยที่นายกรัฐมนตรีอาเบของญี่ปุ่นก็ยังมิได้แสดงท่าทีขอโทษอย่างเต็มปากเต็มคำ ความนิยมชมชอบนายกอาเบจึงรั้งท้ายที่ 1.56 ต่ำกว่าความนิยมประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนที่ 3.01 และแม้ว่าความนิยมประธานาธิบดีทรัมป์ของคนเกาหลีใต้จะต่ำกว่าความนิยมจีน (คือ 2.93) แต่มาตรการลงโทษเกาหลีใต้ของจีนนั้นกำลังเสี่ยงต่อการผลักดันให้เกาหลีใต้ต้องห่างเหินจากจีนออกไปอีกและต้องหันไปพึ่งพาและใกล้ชิดกับสหรัฐและญี่ปุ่นมากขึ้นครับ